นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ขณะนี้เราต้องพูดคุยกันเพื่อหาทางคลี่คลายสถานการณ์ และยังเชื่อว่าแต่ละฝ่ายน่าจะมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง เพียงแต่มุมมองและทรรศนะของแต่ละฝ่ายอาจไม่ตรงกัน ส่วนเงื่อนไขที่กลุ่ม พธม.ตั้งไว้ 3 ข้อนั้นเป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลปฏิบัติไม่ได้ หากไปปฏิบัติอย่างนั้นจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย อย่างข้อ 1. ให้ยกเลิกเอ็มโอยู ปี 43 ก็อาจจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งตามแนวชายแดนและอาจจะทำให้เกิดการสู้รบกันได้ 2. ผลักดันชาวเขมรให้พ้นจากประเทศไทยให้หมดนั้นก็จะต้องบอกว่าไทยมีชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านทุกด้าน หากพื้นที่ยังตกลงกันไม่ได้ก็เจรจากันด้วยสันติวิธีกันต่อไป และ 3. ให้ถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลกนั้น ต้องขอบอกว่าเราเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ที่ต้องร่วมมือกันหากถอนตัวหรือลาออกนั้นต้องพิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นว่าเราถูกรังแกหรือไม่ได้รับความเป็นธรรม
ระบุ“จำลอง”ควรไตร่ตรอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม.ระบุหากเหลืออดที่รัฐบาลไม่ยอมทำตามเงื่อนไข จะมาเยี่ยมเยียนถึงในทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า พล.ต.จำลองเป็นผู้ใหญ่ คงไม่ทำอะไรที่ขัดต่อสายตาประชาชน ท่านคงไตร่ตรองและคงจะไม่เป็นปัญหา ส่วนการพูดคุยกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น นายกรัฐมนตรีเปิดกว้างและพยายามที่จะให้มีการพูดคุยกัน การที่ผู้ชุมนุมปิดถนนและขยายพื้นที่การชุมนุมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนนั้น ตนต้องขอแสดงความเสียใจและเห็นใจประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ที่ทุกครั้งที่มีการชุมนุมประชาชนก็จะเดือดร้อนทุกครั้ง เราก็พยายามพูดจากับผู้ชุมนุมมาทุกครั้งว่าขอให้เห็นแก่วิถีชีวิตของคนอื่นบ้าง เมื่อมีผู้ชุมนุมมามากก็พูดยาก แต่ตนได้พยายามกำชับให้ตำรวจนครบาลพูดคุยและจัดช่องจราจรให้รถวิ่งได้ นอกจากนี้เราจะพยายามใช้กฎหมายปกติดูแลรักษาสถานการณ์
ยันไม่ให้ม็อบบุกเข้าทำเนียบ
เมื่อถามว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักชุมนุมกันยาวนาน แรงกดดันจะตกมาอยู่ที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตนหนักใจ เมื่อทุกฝ่ายต้องการแสดงออกซึ่งสิทธิเสรีภาพของตัวเอง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ห้ามปรามหรือไปกีดกันอะไร แต่น่าเสียดายที่กลุ่มผู้ชุมนุมเหล่านั้นไม่ได้คิดถึงชีวิตของคนอื่นที่ได้รับความกระทบกระเทือน จึงเป็นปัญหาของรัฐบาลที่ต้องเผชิญแรงกดดันและต้องหาทางแก้ปัญหาต่อไป และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลหรือสถานที่ราชการอื่น ๆ และจะแก้ไขสถานการณ์ต่อไปนั้นตนจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขไปตามสถานการณ์ และในช่วงที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปร่วมการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 28-31 ม.ค.นี้ ตนก็ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี และทำมาหลายครั้งแล้ว
เมื่อถามว่า คิดว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่ามองโลกในแง่ร้ายหรือคาดการณ์อะไรร้าย ๆ แต่ละคนก็มีบทเรียนที่เจ็บปวดมาแล้ว เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้เสียหายกับประเทศและคนไทยทั้งชาติ