ผบ.ทบ.ห่วงม็อบชนม็อบ และมือที่ 3 ป่วนชุมนุมจนบานปลาย สั่งเจ้าหน้าที่เฝ้าตามติด วอนชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ยั่วยุ ชี้จับแก๊งบึ้มเป็นผลงานด้านการข่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ม.ค. ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวหลังเป็นประธานในพิธีสถาปนาช่อง 5 ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมชาย5คนบริเวณแยกสวนมิกสวันพร้อม อาวุธสงครามเตรียมป่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า มีความห่วงใยอยู่ตลอดเวลาในเรื่องของการชุมนุมว่าอาจจะมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น เพราะไม่ทราบว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำหรือเริ่มก่อน และมีผู้ที่ไม่หวังดีต้องการที่จะให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสถานการณ์อยู่ อย่ากรณีเมื่อคืนที่ผ่านมา (24 ม.ค.) ที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย เพราะเป็นการติดตามสถานการณ์ด้านการข่าวของเจ้าหน้าที่ทุกกลุ่มที่ดำเนินการร่วมกันอยู่ในปัจจุบัน และเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าการปฏิบัติงานประสบผลสำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ซึ่งต้องพิสูจน์ทราบกันต่อไปว่า ใครเป็นคนทำและความเป็นมาของวัตถุระเบิด และพยานต่าง ๆ พร้อมทั้งสอบหาผู้ที่กระทำความผิดให้ชัดเจนขึ้น อย่างไรก็ตามในเรื่องของการชุมนุมเราไม่สามารถห้ามได้ เพราะเป็นเรื่องของสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้ แต่ทุกฝ่ายจะต้องไม่ละเมิดกฎหมาย เช่น ห้ามปิดล้อมและเข้าไปในสถานที่ราชการ ซึ่งต้องปฏิบัติให้ชัดเจนก็ขอร้องว่าอย่ากระทำ
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทหารจะเข้ามาช่วยดูแลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า
มีขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งขั้นตอนที่1-3 เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องดำเนินการโดยใช้กฎหมายปกติและในส่วนของ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น ทหารจะมีส่วนร่วมในการเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานเมื่อตำรวจร้องขอ โดยการส่งเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารมาทำหน้าที่ร่วมกันและขั้นตอนต่อมา คือ การส่งกองร้อยรักษาความสงบ ซึ่งเราเตรียมการไว้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้ในกรอบของการบูรนาการทางด้านการข่าวร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันเรามีศูนย์ติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ทุกหน่วยอยู่แล้ว และในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ก็มีการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ส่วนรวมเพื่อบูรนาการงานด้านการข่าวและยุทธการทั้งหมด คงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ที่น่าห่วงคือการปฏิบัติของผู้ที่มาชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่มักมีการทำผิดกฎหมายเสมอ จึงอยากจะขอร้อง เพราะถ้าเราบังคับใช้กฎหมายไปแล้ว แล้วปฏิบัติไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ตกเป็นจำเลยอีก
ส่วนปัญหาที่กลุ่มผู้ชุมนุมอาจจะเกิดการเผชิญหน้ากัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางตำรวจได้เตรียมกำลังไว้แล้วเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 กลุ่มเกิดการเผชิญหน้ากัน ทั้งนี้ผู้ชุมนุมในแต่ละกลุ่มก็ต้องระวังตัวเอง พยายามอย่ายุแหย่ซึ่งกันและกันและอย่าเข้าไปละเมิดในแต่ละฝ่ายและขณะนี้ไม่ว่าจะเขียนกฎหมายออกมากี่ฉบับ แต่พวกท่านก็สู้กฎหมายทุกฉบับ แล้วเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร แล้วสื่อก็มาถามว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ ก็กฎหมายเขาห้ามไม่ให้มีการชุมนุนม แต่กลุ่มผู้ชุมนุนมก็จะไปบริเวณนั้น โดยการใช้คนหมู่มาก แล้วทหารจะทำอย่างไร จะเอาอาวุธไปไล่ประชาชนออกคงไม่ได้
หากย้อยกลับไปเมื่อช่วง เม.ย.-พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุการณ์รุนแรงมีอะไรเกิดขึ้นทุกคนรู้ดี ก่อนหน้านั้นกลุ่มผู้ชุมนุนมมาปิดล้อมทหารได้อย่างไร ยึดอาวุธไปทำอะไรแล้วใครบ้างที่ใช้อาวุธเมื่อมีเหตุการณ์รุนแรง แล้วก็มานั่งไล่ถามว่า เจ้าหน้าที่เป็นคนทำตลอด ซึ่งตอนนี้ปืนของทหารยังหาไม่เจอเลย ใครเอาไป แล้วที่ยิงออกมาแล้วบอกว่าเป็นกระสุนทหาร ถามว่ามีคนเอาไปหรือไม่ ทหารไม่ได้เริ่มในการใช้อาวุธ มีแต่เอาขึ้นไปไว้บนรถแล้วพวกเขาก็ไปยึดรถทหารและเอาอาวุธไป พร้อมกลับมายิงใส่ทหาร แล้วมาบอกว่าทหารยิงทั้งหมด จะได้หรือไม่ด้วยหลักการ ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่บ้าง หากเป็นอยู่แบบนี้ บ้านเมืองคงไปไม่ได้ จะสู้ด้วยวิธีการเมืองก็ว่ากันไป แต่อย่าเอาเจ้าหน้าที่มาเป็นจำเลย ถ้าเอาทหาร ตำรวจมาเป็นจำเลย แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ใครจะเป็นกรรมการ และใครจะเป็นคนดูแลกฎหมาย ใครจะทำให้บ้านเมืองปลอดภัยซึ่งไม่มีแล้ว การแก้ปัญหาทุกอย่างไม่ใช่แก้ได้ทุกชั่วโมงทุกนาที
“บางคนออกมาพูดว่า ทำไม ผบ.ทบ.ไม่เอากำลังออกไปหากสถานการณ์ไม่ดี ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างมีกฎการใช้กำลังของกองทัพไทยอยู่ โดยการขออนุมัติ ถ้าอยู่ดี ๆ ตนเอากำลังไปสะพานมัฆวานฯ ตนสามารถเอาไปได้หรือไม่ ถืออาวุธออกไปสู้กับเขา มันทำไม่ได้” ผบ.ทบ. กล่าว.