มาร์คจี้เดินหน้าโฉนดชุมชนหวังแก้ปัญหาที่ทำกิน

นายกฯ จี้ทุกหน่วยเร่งเดินหน้าโฉนดชุมชนเป็นรูปธรรม หวังเป็นการแก้ปัญหาที่ทำกินให้ชาวบ้านอย่างยั่งยืน

วันนี้  21 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดสัมมนาและมอบนโยบายโฉนดชุมชน เรื่อง“โฉนดชุมชน เพื่อการทำกิน รักษาที่ดินอย่างยั่งยืน” ซึ่งจัดโดยสำนักงานโฉนดชุมชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด  ข้าราชการ เกษตรกร และประชาชนร่วมฟังนโยบายครั้งนี้ กว่า 200 คน
               
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า โฉนดชุมชนเป็นโยบายสำคัญของรัฐบาล เพราะปัญหาที่ทำกินเป็นปัญหาใหญ่ของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งหลายหน่วยงานรับรู้และแก้ไขปัญหาต่อเนื่องยาวนาน แต่ 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลจัดประชุมมอบนโยบายและตัดสินใจหลายเรื่อง เพื่อแก้ปัญหาที่ทำกินให้มีความยั่งยืนโดยการมีสวนร่วมของประชาชน ซึ่งจะไม่ใช่เพียงการแก้ข้อพิพาท เพราะถ้าแก้ปัญหาแล้วสิทธิ์ถูกโอนขายให้คนมีอันจะกิน ก็จะมีการบุกรุกที่ทำกินใหม่ ทำให้ไม่มีทางแก้ปัญหานี้จบ รวมทั้งจะทำให้ทรัพยากรถูกทำลาย จึงต้องอาศัยการทำงานของชุมชน ถ้าชุมชนไม่รวมตัวอย่างเข้มแข็ง ก็จะไม่เกิดโฉนดชุมชน
               
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาเฉพาะหน้าของการออกเอกสารดังกล่าว พบสภาพความเป็นจริง คือความไม่เข้าใจและการไม่ดำเนินการในทางปฏิบัติในหลายหน่วยงาน จึงต้องเน้นย้ำว่าเราต้องการขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้มีชุมชนที่แจ้งความประสงค์เข้ามาร่วมโครงการแล้ว 121 ชุมชน ซึ่งได้มีการสำรวจ 59 ชุมชน และดำเนินการไปแล้ว 58 ชุมชน ทั้งนี้ ในส่วนของหน่วยงานต้องปฏิบัติและรายงานว่าถ้ามีปัญหาอุปสรรคใด ตนขอให้รายงานมาแล้วเราจะแก้ไขให้ แต่ถ้าเราไม่เดินตรงนี้ให้สำเร็จ ก็จะย้อนกลับไปเป็นปัญหานับพันพื้นที่ ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เชิญรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาพบ และได้แจ้งว่าต้องมีคณะทำงานเจาะจงโฉนดชุมชนเป็นการเฉพาะ เพราะเราอาจจะทำไม่สำเร็จใน 121 ชุมชน แต่เราต้องเริ่มทำให้สำเร็จบ้างเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจ
               
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ปัญหาในฝ่ายปฏิบัตินั้นบางพื้นที่ติดขัดเรื่องงบประมาณ เราก็โอนไปให้ แต่หน่วยงานยังลังเลไม่ทำ ก็คืนเงิน ซึ่งเขาทำแบบนี้ไม่ได้ ตนยืนยันว่านี่คือนโยบายของรัฐบาลที่หน่วยงานต้องปฏิบัติเพื่อให้การแก้ปัญหาเกิดขึ้น เพราะหัวใจเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทำกิน แต่จะเป็นรูปธรรมในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนกับภาครัฐ.