ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ชี้ “เฉลิม-มิ่งขวัญ” แตกคอ เหตุเด็กในสังกัดปากไม่ดี เลยขัดแย้ง
วันนี้ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย ระหว่างร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยแน่นอน ทุกอย่างอาจมาจากการที่มีส.ส.บางคนในพรรคที่สถาปนาเป็นคนของนายมิ่งขวัญ ออกมาพูดอย่างต่อเนื่องถึงรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งต่อไปว่าจะเป็นแบบสมานฉันท์ ไม่ดุเด็ดเผ็ดมันเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ร.ต.อ.เฉลิมรู้สึกไม่สบายใจ เพราะลึกๆ แล้วตนมั่นใจว่านายมิ่งขวัญเองก็ไม่ได้ต้องการให้เกิดปัญหาภายในพรรคขึ้น อาจมีบางคนไม่ต้องการให้พรรคมีเอกภาพทั้งคนนอกและคนในพรรคบางกลุ่ม
“หากย้อนไปดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 ครั้งที่ผ่านมาจะเห็นว่า ครั้งแรกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และนายมิ่งขวัญต่างร่วมกันอภิปรายในสภา แต่ครั้งที่สอง ร.ต.อ.เฉลิมได้นำอภิปรายโดยเฉพาะเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เน้นไปในเรื่องการล้อมปราบประชาชนช่วงเดือนเมษายน ซึ่งทั้งร.ต.อ.เฉลิม และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนต่างอภิปรายกันอย่างเต็มที่จนอภิปรายเรื่องทุจริตน้อย และไม่มีเรื่องที่นายมิ่งขวัญจะได้พูด แต่นายมิ่งขวัญทำงานอยู่เบื้องหลัง ให้คำแนะนำเป็นเหมือนติวเตอร์ และให้กำลังใจกับผู้ที่อภิปราย จึงทำให้ไม่เห็นบทบาท เพียงการทำงานมีรูปแบบเป็นทีมงานมากกว่า ดังนั้น เชื่อว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร พรรคสามารถผนึกร่วมกันทำหน้าที่ได้ เพราะข้อมูลก็พร้อม แต่คงไม่รีบร้อนในการยื่นเนื่องจากยังมีเวลา ยิ่งรัฐบาลอยู่นานเท่าไหร่ ปัญหาก็ยิ่งมาก” นายสงวน กล่าว
นายสงวน กล่าวต่อว่า ส.ส.ลำพูน จากนี้ไปขอให้จับตาดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.และคนเสื้อแดงที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค.นี้ หากมีประชาชนเข้ามาร่วมเพิ่มจำนวนมากกว่าทุกครั้งก็จะมองเห็นภาพชัดเจนมากขึ้นกับการแสดงพลัง และขอให้จับตาดูสถานการณ์ก่อนที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาวันที่ 25 ม.ค. ซึ่งตรงกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้งนี้น่าแปลกใจว่าทำไมเพิ่งมีการจับกุม 2 แกนนำพันธมิตรฯในช่วงนี้ จะทำให้การเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสองเสร็จแล้วต้องทิ้งเวลา15วันเพื่อลงมติก่อนวันที่18ก.พ.นั้น อย่าลืมว่า 74 ส.ว.สรรหา จะหมดวาระในการดำรงตำแหน่งพอดี ดังนั้นช่วงเวลาจากนี้อาจเกิดอะไรขึ้นก็ได้
นายสงวน กล่าวอีกว่าสำหรับการประชุมส.ส.พรรคในวันที่ 24 ม.ค.นั้น คงจะหารือเรื่องวาระประชุมร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับท่าทีและจุดยืนของพรรคเพื่อไทยให้ชัดเจน โดยพรรคไม่ควรไปร่วมสังฆกรรมด้วย เพราะถ้าร่างไม่ผ่านทุกอย่างจะไปกดดันรัฐบาล แต่หากจะหารือเรื่องการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตนก็จะเสนอให้พรรคยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียวเป็นหลักเพราะต้องเข้าใจการบริหาร กฎหมายทุกเรื่องทุกโครงการเมกกะโปรเจคของรัฐบาลล้วนผ่านความเห็นชอบและการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี ดังนั้นนายกรัฐมนตรีจะปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ และรัฐมนตรีก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบด้วย.