ไล่บี้!!!..สอบแก้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (6 ธ.ค.) ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยมีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เป็นประธานในที่ประชุม โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 4 ชั่วโมง จากนั้นนายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. แถลงหลังการประชุมว่า นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส. ได้เสนอเรื่องใหม่ให้ คตส.เข้าตรวจสอบอีก 2 โครงการ คือ 1. กรณีตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) และตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เข้าร้องเรียนกรณีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออก พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.อัตราพิกัดภาษีสรรพสามิต เมื่อปี 2546 โดยไม่ให้บริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับรัฐจ่ายภาษีสรรพสามิต แต่กลับให้หน่วยงานภาครัฐหักส่วนแบ่งจากรายได้จ่ายภาษีสรรพสามิตแทน ที่ประชุมเห็นว่าต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้ตั้งกรรมการไปศึกษาข้อมูล โดยมอบให้นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการ คตส. รับไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม และนำมาเสนอต่อที่ประชุม คตส.ในการประชุมครั้งหน้าวันที่ 13 ธ.ค.

นายสักกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบทั้ง 12 โครงการได้รายงานความคืบหน้าในการตรวจสอบ มีความคืบหน้าทุกสัปดาห์ โดยกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ ประธานอนุกรรมการฯ ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการซื้อหุ้นบริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนท์ และรอข้อมูลจากสถาบันการเงิน รวมทั้งข้อมูลการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรด้วย เบื้องต้นไม่กำหนดเวลาว่ากรมสรรพากรควรส่งข้อมูลมาให้ คตส.ในวันใด เนื่องจากไม่ต้องการกดดันการทำงานของกรมสรรพากร เพราะเกรงว่าถ้าส่งเร็วแล้วได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนก็จะไม่มีความหมาย แต่ถ้าเสร็จเร็วก็ต้องส่งโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คตส.ได้มีการตรวจสอบการซื้อขายหุ้นชินฯเมื่อปี 2543 ที่ซื้อมาในราคา 10 บาท ในขณะที่ท้องตลาดอยู่ที่ราคา 150 บาทหรือไม่ นายสักตอบว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และขอข้อมูลไปยังสถาบันการเงินหลายแห่ง รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เพื่อดูเส้นทางการจ่ายเงิน รับเงิน ว่าตรงกันหรือไม่ นอกจากนี้ ทาง กลต. ยังได้ส่งข้อมูลเข้ามายัง คตส.หลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นประโยชน์ คาดว่าการตรวจสอบเรื่องการซื้อขายหุ้นชินฯอาจจะมีความคืบหน้าก่อนสิ้นปีนี้

โฆษก คตส. กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าในโครงการต่างๆ เช่น โครงการเอ็กซิมแบงก์ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อมูลบางบริษัทที่ต้องเจาะลึกเกี่ยวกับสัญญาและการรับเงิน ส่วนกรณีโครงการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น คณะอนุกรรมการได้ลงพื้นที่หลายจังหวัด และในสิ้นเดือนก็จะสามารถรวบรวมข้อเท็จจริงได้ครบถ้วน ขณะที่โครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2-3 ตัว นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ได้รายงานให้ที่ประชุมได้รับทราบว่ายังคงต้องเชิญพยานอีกหลายปาก โดยมีคิวยาวถึงวันที่ 4 ม.ค. 2550 จึงยังไม่สามารถสรุปได้ในปีนี้ สำหรับเรื่องที่ดินย่านรัชดาฯ จะมีการนัดสอบพยานในช่วงกลางและปลายเดือน ธ.ค.นี้

โฆษก คตส. กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. ได้หารือกรณีที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งที่ระบุว่ามีคนเห็นกรรมการ คตส.บางคนไปเจรจากับตัวแทนกับ 2 ด็อกเตอร์ ที่ใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ มีการเสนอตัวเลข 30% ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น โดยนายนามจึงสอบถามกรรมการ คตส.ทุกคน ปรากฏว่ากรรมการทุกคนยืนยันว่าไม่ได้กระทำตามที่เป็นข่าว และมอบให้นายแก้วสรรในฐานะเลขานุการ มีหนังสือสอบถามไปยังหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมี คตส.คนใดทำเช่นนั้น เพราะจากประวัติและประสบการณ์ มั่นใจ คตส.ทั้ง 11 คน ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงเกียรติคุณและการทำงานของ คตส. หากมีใครเพียงแค่ได้ยินมาก็อาจจะทำลายความน่าเชื่อถือของ คตส. ถ้ามีข้อเท็จจริงเราก็พร้อมพิสูจน์ และยินดีดำเนินการกับคนที่ทำนอกลู่นอกทาง