ทำความเข้าใจกับแกน นำนปช. เพื่อหาแนว ทางที่ลงตัวทั้งต่อการชุมนุม
ของคนเสื้อแดงและผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ เมื่อวันที่ 14 ม.ค.
อังกฤษเชิญ แม่เกดให้การคดี 6ศพ
แม่น้องเกด 'กมนเกด อัคฮาด' พยาบาลอาสา เหยื่อ 6 ศพวัดปทุมฯ เผยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนในอังกฤษ ส่งหนังสือเชิญบินไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกสาว
เตรียมออกเดินทาง 30 ม.ค. และจะใช้โอกาสนี้ให้ข้อมูลกรณีรัฐบาลไทยปราบปรามผู้ชุมนุมทางการเมืองจนมีผู้เสียชีวิตถึง 91 ศพด้วย ส่วนวันที่ 24 ม.ค. มีนัดนำเอกสารหลักฐานต่างๆ รวมถึงคลิปวิดีโอเหตุสลายคนเสื้อแดง 19 พ.ค.53 อำมหิตไปมอบป.ป.ช. ด้าน 'บช.น.' เปิดห้องให้ฝ่ายตัวแทนผู้ประกอบการย่านราชประสงค์กับแกนนำนปช. เจรจาหาทางออกไม่ให้การชุมนุมกระทบธุรกิจการค้า เผยบรรยากาศสุดตึงเครียด แต่สุดท้ายจบลงด้วยดี 'จตุพร' บอกรู้ว่าเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ต้องเข้าใจคนเสื้อแดงด้วยว่าสูญเสียถึงขั้น 'เสียหัว' เพราะถูกสไนเปอร์ยิงหัวล้มตาย 'บ.ก.ลายจุด' เสนอควรลดจัดชุมนุมราชประสงค์เหลือแค่เดือนละครั้ง และสลับสับเปลี่ยนไปรวมตัวหน้าทำเนียบรัฐบาล สภา ฯลฯ เพื่อดึงมวลชนให้ร่วมกิจกรรมเพิ่มมากขึ้น
- 'บช.น.'เปิดโต๊ะเจรจา
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 14 ม.ค. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นคนกลางเปิดเจรจาระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการค้าราชประสงค์ นำโดยนายชาย ศรีวิกรม์ กับ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนางธิดา โตจิราการ และนายจตุพร พรหมพันธุ์
พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า ที่มาพูดคุยกันวันนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการราชประสงค์ เข้าพบนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรียกตนไปด้วย โดยบอกว่าผู้ประกอบการค้าราชประสงค์ได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างไร จนได้ข้อสรุปว่าให้นัดคุยกันทั้งฝ่ายผู้ชุมนุม ผู้ประกอบการ ตำรวจ กรรมการคุ้มครองสิทธิ และฝ่ายผู้ชุมนุม ตนเชื่อว่าเวทีนี้คงจะได้เนื้อหาสาระเพื่อจะสรุปในครั้งต่อไปว่าแนวทางเราจะทำอย่างไร
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ผู้ใหญ่ต้องการให้ตำรวจเป็นตัวกลางเชิญทั้งสองฝ่ายมาคุยกัน เราเห็นใจทั้งสองฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจะเอาทั้งสองฝ่ายมาพูดหาจุดที่เหมาะสมไม่ให้มีผลกระทบ วันนี้เลยเชิญตัวแทนทั้งสองฝ่าย โดยมีพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รองผบช.น. ผบก.น.5 และผบก.น.6 รวมทั้งโฆษกบช.น. ร่วมพูดคุยหารือหาแนวทางกัน
- ธุรกิจราชประสงค์เสียหาย
นายชาย ศรีวิกรม์ กล่าวว่า ขอบคุณผบช.น. และแกนนำนปช. ที่มารับฟังพวกเรา ซึ่งไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการ ยังมีผู้อาศัยย่านราชประสงค์ ที่ปรึกษา ผู้เช่าเซ็นทรัลเวิลด์ ตัว แทนพนักงานย่านราชประสงค์ อยากสร้างความเข้าใจว่าพวกเราไม่เคยต่อต้านหรือขัดขวางอุดมการณ์คนเสื้อแดง เราไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใดๆ และไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองใคร เราอยากเห็นการชุมนุมที่ไม่ละเมิดกฎหมาย เราเป็นห่วงการชุมนุมทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะที่ราชประสงค์ ถ้าไม่มีกระบวนการดูแลความเดือดร้อนขยายวงกว้าง และทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยจากมือที่สามอย่างที่เคยเห็นผ่านมา จะเป็นผลเสียให้แก้ไขได้ยากขึ้นไปเรื่อยๆ
นายชาย กล่าวอีกว่า ขอยกตัวอย่างเฉพาะแค่วันที่ 9 ม.ค. ที่มีการชุมนุม 1 วัน มีการจัดงานทั้งกลางคืนและกลางวัน มีงานแต่งงานที่โรงแรมสยามอินเตอร์ฯ โรงแรมโฟร์ซีซั่น โรงแรมอโนมา มีปัญหาเรื่องการเข้าพื้นที่งาน คู่แต่งงานบอกว่าแขกเข้ามาร่วมงานไม่ได้ สำหรับธุรกิจก็มีการแจ้งยกเลิกเกิดขึ้น กลุ่มราชประสงค์ รวมทั้งพวกหาบเร่แผงลอยมีปัญหาการจัดการพื้นที่เหล่านั้นหมด ซึ่งวันอาทิตย์จะเป็นวันที่ทำรายได้มากที่สุด โรงเรียนกวดวิชาย่านสยามสแควร์นักเรียนก็มาไม่ได้ เท่าที่ตรวจสอบนักเรียนลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ ย่านประตูน้ำ ห้างแพลตตินั่ม ผู้ประกอบการเช่าต้องปิดร้านเหตุผลเพื่อความปลอดภัยลูกค้าเข้ามาไม่ได้ อันนี้เป็นเพียงเบื้องต้น
- แผงลอยแดงขวางทาง
นายชาย กล่าวต่อว่า สำหรับวันที่ 23 ม.ค. โรงแรมย่านราชประสงค์จะจัดงานทั้งกลางวันและกลางคืน มีคนเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 5,700 คน ถ้าเกิดจัดงานในรูปที่ไม่ชัดเจน อาจยกเลิก หรือผิดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น จึงอยากเรียกร้องตามที่ทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกฯ คือ 1.ราชประสงค์เป็นพื้นที่เล็กเกินไปสำหรับการชุมนุมใหญ่ๆ แบบนี้ 2.การจัดชุมนุมที่ผ่านมาพื้นที่มีข้อจำกัด รถยนต์มาจอดกลางถนน มีหาบเร่ขายสินค้าของกลุ่มคนเสื้อแดงมาจับจองพื้นที่เต็มไปหมด ทำให้การเดินเท้าไม่มีที่เดิน แต่ต้องขอขอบคุณที่ยังให้บีทีเอส สกายวอล์ก เดินทางได้ เป็นเส้นทางเดียวที่ให้คนที่ต้องไปๆ ต้องขอบคุณคนเสื้อแดงที่ไม่ได้บล็อกเส้นทางตรงนั้นด้วย
"เราคิดว่าในการจัดการงานเนื่องจากความจำกัดของพื้นที่ จำนวนคนเยอะ และมีการปิดเส้นทางการจราจร การเอารถยนต์ไปจอดกลางถนน มีหาบเร่แผงลอยขายของกลุ่มคนเสื้อแดงที่เห็นมาตั้งแต่เช้า มาวางของใช้พื้นที่ขวางทางเข้าอาคารต่างๆ ตนคิดว่าเป็นประเด็นอยากเสนอให้ปรับปรุงการชุมนุมอย่างไร ที่บรรเทาความเดือดร้อนได้" ผู้แทนผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ระบุ
- 'ตู่'บอกเสื้อแดง'เสียหัว'
ขณะที่นายจตุพร กล่าวว่า กรณีมีข่าวว่าตนไปคุยกับพวกท่านทุกครั้งตอนชุมนุม ตนไม่เคยพูดอย่างนั้นแค่เล่าว่าเจอกันกับพวกท่าน 2 ครั้ง คือ ที่อิมพีเรียลเวิลด์ และโรงแรมสยามอิน เตอร์ฯ ตนขอเจรจาสถานที่กลางคือสถานีตำรวจ ไม่ไปที่ราชประสงค์ตามที่เชิญมา ตนไม่เคยเจรจาระหว่างการชุมนุมแต่จะมีเพื่อนพี่น้องไป เจรจา การที่ออกมาแสดงจุดยืนนั้นพวกท่านบอกพวกตนก่อนไปพบนายกฯ แต่วิธีการท่วงทำนองมันผลักไสพวกตนเป็นผู้ร้ายในสายตาสาธารณะ เหมือนพวกท่านใส่ชุดขาวไปล้างถนน โดยไม่ได้คิดว่าที่ล้างรอยไฟไหม้นั้นได้ล้างรอยเลือดไปด้วย ห้างเซ็นทรัลเวิลด์น่าจะเห็นใจพวกตนมากที่สุด พวกท่านก็รู้ว่าตนรู้อะไรแต่พูดไม่ได้เพราะศาลสั่ง แต่ให้ฟังตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ กล้องมีเป็นพันตัวถ่ายได้กระทั่งหน้าเวที แล้วภายในตัวอาคารทำไมจะไม่รู้อะไรเกิดขึ้น
"ถ้าท่านบอกว่าเสียหายเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจของท่าน พวกผมก็เสียชีวิต ท่านเสียหายพวกผมเสียหัว ถูกยิงหัวกันทุกคน ไม่รู้ว่าชีวิตของท่านหมื่นล้านกับชีวิตพวกผมมันมีค่าเท่ากันหรือเปล่า แต่พวกผมไม่ต้องการมีปัญหากับผู้ประกอบการชวนทะเลาะก็ไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่ท่านไม่ใช่คู่กรณีของผม การสอบสวนมีผังหมด ยิงตรงไหนแล้วไปทำสังฆทานตรงไหน ฉะนั้นต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะสถานที่บางแห่งในราชประสงค์ คือ สถานที่ปฏิบัติการตั้งสไนเปอร์ยิงผู้คนในที่ชุมนุม ในรายละเอียดคดีนั้นพูดไม่ได้" นายจตุพร กล่าว
- 23ม.ค.ชุมนุมเหมือนเดิม
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ทำไมพวกตนไม่ไปทุ่งกุลาร้องไห้ เพราะเหตุการณ์ความตายเกิดที่ราชประสงค์ และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เบื้องต้นพูดคุยเรื่องจัดการจราจร ตนเรียนกับผู้ค้าย่านราชประสงค์ว่า คนเสื้อแดง พวกตนทุกคนที่ยังมีชีวิตและเสียชีวิต ไม่มีใครไปยุ่งเก็บค่าอะไรแม้แต่สตางค์แดงเดียว ตนเป็นคนรักษาคำพูด รบกับตนความจริงนั้นง่ายที่สุด ตรงไปตรงมา บอกกี่โมงเลิกตามนั้นเผื่อเหลือเผื่อขาดบวกลบครึ่งชั่วโมง วันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค.นี้จะอยู่ที่ราชประสงค์ประมาณ 2 ชั่วโมง เส้นทางเข้าโรงแรม และทางเข้าห้างฯ ให้ตำรวจจัดการทางเข้าไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะระยะเวลาสั้นไม่ยืดเยื้อ จากนั้นเดินทางไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ส่วนที่เลยเถิดไปพบนายกฯ เสนอ พ.ร.บ.ที่ชุมนุมสาธารณะ พวกท่านไม่เสนอก็เข้าสภาอยู่แล้ว พวกท่านจะออกมา 3 หมื่นกว่าคนถ้ามีพ.ร.บ.ก็ผิดเหมือนกัน ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา ใครไม่มีความทุกข์ไม่เข้าใจ พวกท่านอาจไม่เคยเจอพี่น้องที่บาดเจ็บ 2 พันกว่าคน บางคนเสียดวงตา แขน และขาเดินไม่ได้ นั่งรถเข็นมาชุมนุม ส่วนเดือนก.พ. มาว่ากันอีกที
- ขออยู่ร่วมกันอย่างฉันมิตร
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ถ้าการชุมนุมช่วงสั้นๆ อยู่ร่วมกันได้ อย่างร้านแมคโดนัลด์ ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คนก็เข้าไปเต็ม พวกตนไม่ใช่ชุมนุมแล้วไปปล้นสะดมพวกท่าน ถ้าไปบริเวณอื่นจุดที่มีการตายก็เป็นปัญหาอีก เช่น ถนนราชปรารภ ซอยรางน้ำ บ่อนไก่ พระราม 4 หรือสวนลุมพินีย่อมมีผลกระทบอยู่ดี ตรงไหนก็กระทบ แต่จุดการชุมนุมเป็นการย้อนประวัติ ศาสตร์จุดเทียนแล้วแยกย้ายกัน พูดถึงความเสียหายตัวเลขหมื่นล้าน คนตกใจกันหมด แต่ชีวิตพวกตนไม่ได้มีราคาตามที่ท่านคิดก็ได้ ซึ่งทุกชีวิตของพวกตนมีราคาในชีวิตเช่นเดียวกัน เราต้องมาช่วยจัดการอำนวยความสะดวกใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันมิตร คนหาบเร่แผงลอยได้ประโยชน์คนมาซื้อของ คนเสื้อแดงช็อปปิ้งห้างเกษรพลาซ่าได้ แบรนด์เนมก็ใช้กันเป็น ไม่ใช่เสื้อแดงไม่มีอะไรเลยหรือไม่มีตังค์สักบาท วันที่ 23 ม.ค.นี้พวกเราจะได้บริหารการจัดอย่างไรที่จะไม่กระทบกัน แต่พวกท่านผลักไสไล่ส่งยืมมือรัฐบาล เหมือนภาพกวาดขยะล้างเลือด ภาพซากไฟไหม้ แต่ไม่มีซากผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว มันอาจจะได้ดีโฆษณาชวนเชื่อ พวกท่านไม่มีพี่น้องที่ไปตายที่นั่น บางครอบครัวยังติดตามคนที่หายอยู่เลย
- เตือนอย่าออกหน้าแทนรัฐบาล
ขณะที่นางธิดา รักษาการประธานนปช. กล่าวว่า โดยหลักการอยากให้ผู้ประกอบการและประชาชนเข้าใจว่า ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ใช่ผู้ประกอบการกับประชาชน พวกท่านเป็นภาคเอกชน คู่ขัดแย้งจริงๆ คือรัฐบาล หรือผู้ใช้กลไกอำนาจรัฐปราบปรามประชาชน พวกท่านแนะนำด้วยความหวังดีว่า คนมาชุมนุมควรทำความเข้าใจอันดีกับผู้ประกอบการ ตนอยากเตือนกลับไปเหมือนกันว่า ผู้ประกอบการไม่ควรทำตัวเป็นศัตรูกับประชาชน เราควรเข้าใจกันด้วยดี รูปธรรมในการแก้ไข พวกเรามีม็อบอยู่ 2 เดือน พวกท่านไม่เคยเสียหายแม้กระจกร้าวแม้แต่แผ่นเดียว ไม่มีสินค้าหาย พวกท่านจะมารับหน้าแทนรัฐบาล เป็นตัวแทนความขัดแย้งกับประชาชน มันไม่น่าจะเป็นเรื่องดี ถ้ามีปัญหาอะไรควรเสนอเป็นรูปธรรมแล้วมาพิจารณาแก้ไขร่วมกันว่าปัญหาใดแก้ได้ปัญหาใดต้องใช้เวลา การไปพบกับรัฐบาลแก้ไม่ได้ ซึ่งอยากให้ตำรวจเป็นผู้ร่วมจัดการตั้งแต่ตอนต้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้มาพบกัน พวกเรายินดีสนับสนุน สินค้าและอำนวยความสะดวกเท่าที่จะทำได้
- คุยเครียด-เชิญนักข่าวออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง บรรยากาศเริ่มมีทีท่าเคร่งเครียด ตำรวจจึงต้องเชิญสื่อมวลชนที่ทำข่าวอยู่ในห้องประชุมออกมานอกห้อง โดยแจ้งว่าพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกบช.น. จะแถลงข่าวผลการเจรจาให้ทราบภายหลังการเจรจาเสร็จ
จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.จักรทิพย์ พร้อมด้วยนายจตุพร นางธิดา นายชาย และผู้เกี่ยวข้อง ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นการเจรจา พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า การหารือเป็นไปในทิศทางที่ดี การชุมนุมครั้งต่อไป 23 ม.ค. นี้ จะลดความเดือดร้อนของประชาชนให้น้อยลง การจราจรก็ทำให้เรียบร้อย ฝ่ายเสื้อแดงยืน ยันจะชุมนุม 2 ครั้งต่อเดือน แต่ช่วงเวลาจะน้อยลง ส่วนผู้ค้าพอใจระดับหนึ่ง โดยจะปรับรูปแบบให้กระชับลง การชุมนุมครั้งต่อไปจะนัดพูดคุยกันก่อนในวันที่ 20 ม.ค.
นางธิดา กล่าวอีกว่า วันที่ 23 ม.ค. เราประกาศนัดหมายเวลา 13.00 น. ที่ราชประสงค์ และเคลื่อนขบวนเวลา 15.00 น. ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งนปช.พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เราจะอยู่ที่ราชประสงค์แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยเวลาส่วนใหญ่จะอยู่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ายังจะชุมนุมบนถนนเช่นเดิม นางธิดา กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นกับจำนวนคน ไม่ได้มาเป็นกองทัพ ผู้ชุมนุมมากันเอง หากมีคนน้อยก็จัดการได้ แต่เมื่อคนมากจำเป็นต้องลงผิวจราจร การจัดการอาจซับซ้อนและยากขึ้น ซึ่งต้องทำด้วยความเข้าใจ ประชาชนที่มาไม่ได้มาด้วยผลประโยชน์ส่วนตัว แต่มาเรียกร้องเพราะปัญหาส่วนรวมของประเทศและความยุติธรรม ซึ่งผู้ขัดแย้งของเราไม่ใช่ผู้ประ กอบการแยกราชประสงค์ หากประเทศเป็นปกติสุขทุกคนได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งหมด เมื่อไม่ใช่ข้อขัดแย้งต้องดูว่าอะไรทำได้ ไม่เสียจุดยืนของประชาชนที่มาชุมนุม
- สรุปต่างฝ่ายพอใจผลเจรจา
นายจตุพร กล่าวว่า การพบปะกัน 2 ฝ่าย ต่างฝ่ายต่างเข้าใจในปัญหาเศรษฐกิจและผู้เสียชีวิต ที่ผ่านมาไม่เคยพูดคุยเรื่องการจราจร แต่ครั้งนี้ทำในพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ให้กระทบน้อยที่สุด จะพูดว่าไม่กระทบคงไม่ใช่ แต่กระทบน้อยที่สุด ประกอบกิจการได้ตามปกติ พวกเราก็ชุมนุมได้ตามปกติ ตามสิทธิ ส่วนตำรวจจะดำเนินการด้วยความสบายใจ วันที่ 20 ม.ค. จะมาคุยกัน เราคนไทยด้วยกัน มีทางออกอยู่แล้ว
ขณะที่นายชาย กล่าวว่า ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่วันนี้หันหน้ามาพูดคุยหาความร่วมมือกัน ทำให้ความเดือดร้อนบรรเทาลง ซึ่งผบช.น.เป็นคนกลางดูว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ซึ่งเข้าใจกันว่า เราไม่ใช่ศัตรูกัน เราไม่ได้ต่อต้านการชุมนุม แต่แค่อยากให้สร้างปัญหาน้อยที่สุด และเป็นกระบวนการว่าอนาคตในประเทศจะมีการชุมนุมที่ตรงไหนก็ได้ ไม่ได้สร้างความแตกแยกให้ประชาชน การเจรจาครั้งนี้พึงพอใจ เพราะยิ้มแย้มกันทุกคน อาจารย์ธิดาและนายจตุพรเข้าใจว่าพวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่เป็นมิตรกัน ซึ่งพอใจมากว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ส่วนในแง่การชุมนุมก็เข้าใจ แต่สถานที่มันเล็กและแคบ แต่ต้องดูวันที่ 23 ม.ค. เรื่องการจัดการก่อน หลังจากนั้นค่อยคุยกันต่อไป หลังจากนี้จะประชุมกับฝ่ายสมาคมผู้ประกอบการให้เข้าใจ และวางกรอบวันที่ 23 ม.ค. เพื่อให้เกิดผลดีทุกฝ่าย
- 'มาร์ค'ยันไม่ดึงคดีปราบแดง
เวลา 13.50 น. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือ พิมพ์แห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.พเยาว์ ทอง เสน เลขานุการคณะทำงานดูแลคดีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยอมรับว่า 13 ใน 89 ศพที่เสียชีวิตระหว่างเหตุการณ์ชุมนุมการเมือง ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 มาจากฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า ที่ดีเอสไอเคยสรุปมาเบื้องต้นจะเป็นข้อมูลว่าบางกรณีอาจมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยว ก็มีการให้สอบสวนเพิ่มเติมต่อไป ยืนยันไม่มีการดึงเรื่องไว้ และอีกไม่นานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประ ธาน จะส่งรายงานเข้ามา หากมีอะไรที่เป็นอุปสรรค รัฐบาลจะเข้าไปแก้ไข เบื้องต้นยังไม่ทราบว่ารายงานดังกล่าวมีการสรุปข้อเท็จจริงเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตระหว่างการชุมนุมหรือไม่
"ต้องเข้าใจว่าเป็นข้อค้นพบเบื้องต้นบ้าง บางครั้งดีเอสไอยังไม่ได้ข้อสรุป ต้องพยายามช่วยกัน อย่าทำให้เกิดความสับสน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีการสอบสวนคดีผู้เสียชีวิต 89 ศพของดีเอสไอว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้า คิดว่าไม่นานคงรายงานมาให้ทราบ
- ส.ว.หวั่นหลักฐานคดี89ศพหาย
นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมการเพื่อติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา กล่าวถึงการรับฟังข้อเท็จจริงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นการดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมือง ช่วงเดือนมี.ค.-พ.ค. 2553 ว่า เมื่อวันที่ 13 ม.ค. คณะกรรมการเชิญพ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน พนักงานสอบสวนดีเอสไอมาชี้แจง ซึ่งข้อมูลที่ได้สอดคล้องกับข้อมูลที่ตนเคยได้มาก่อน แต่กังวลว่ากระบวนการดำเนินงานทางกฎหมายของดีเอสไอยังไม่ทันการณ์ ไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร เช่น ปกติการเสียชีวิตที่มีรอยกระสุนปืน เศษกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืน ตกในที่เกิดเหตุจะมีการตรวจสอบที่มาของอาวุธทั้งหมด โดยมีการอายัดตรวจสอบอาวุธ ตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อเปรียบเทียบว่ามาจากปืนกระบอกใด แต่เท่าที่ทราบ ไม่มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ จึงทำให้ตนกังวลว่าเมื่อเวลาล่วงเลยไป จะมีการเปลี่ยนกระสุนปืน เปลี่ยนลำกล้องหรืออาจสูญหายได้ ถ้าไม่รีบตรวจสอบ จะทำให้เราหาตัวผู้กระทำ ผิดมาลงโทษไม่ได้
นายจิตติพจน์ระบุว่า จากการสอบถามดีเอสไอว่าในวันเกิดเหตุปะทะ คือ 19 พ.ค. 2553 เป็นปฏิบัติการของหน่วยงานใด จนถึงวันนี้ยังไม่เปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้ ในที่ประชุมยังกังวลเรื่องการนำคดีทั้ง 13 ศพที่ระบุว่าเชื่อได้ว่าเป็นการกระทำโดยเจ้าพนักงานรัฐ กลับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชันสูตรพลิกศพอีกครั้งเพื่อให้กระบวน การทำงานอย่างถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 150 วรรค 3 เพื่อส่งสำนวนไปให้อัยการสั่งฟ้อง ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เกรงจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
คณะกรรมการจะประชุมครั้งต่อไปวันที่ 17 ม.ค.นี้ จะเชิญนายสมชาย หอมละออ อนุกรรม การตรวจสอบข้อเท็จจริง ช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ชุดของนายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คปอ.) มาแลกเปลี่ยนข้อมูล" นายจิตติพจน์กล่าว
- 'แม่เกด'เตรียมเข้าพบป.ป.ช.
วันเดียวกัน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นางพะเยาว์ อัคฮาด พร้อมด้วยนายณัทพัช อัคฮาด มารดาและน้องชายของน.ส.กมนเกด หรือ น้องเกด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพที่ถูกยิงเสียชีวิตในเขตอภัยทาน วัดปทุมวนาราม จากเหตุรัฐ บาลส่งทหารกระชับพื้นที่เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 เข้าเยี่ยมแกนนำนปช. เพื่อให้กำลังใจภายหลังจากยังไม่ได้รับการพิจารณาให้ประกันตัวออกมาสู้คดี ใช้เวลาเข้าเยี่ยมประมาณ 20 นาที
นางพะเยาว์กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วยลูกชายมาเยี่ยมแกนนำนปช.ทั้งหมดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมานานเกือบ 1 ปี ระหว่างเข้าเยี่ยมได้พบและพูดคุยให้กำลังใจกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยืนยันว่าจะอดทนและจะต่อสู้อย่างเต็มที่จนกว่าจะได้รับความยุติธรรม พร้อมกันนี้นายณัฐวุฒิ ยังให้กำลังใจครอบครัวตนที่สูญเสียน้องเกด โดยบอกว่าตัวเขาเองขาดเพียงความมีอิสรภาพ แต่ครอบครัวของตนต้องขาดและสูญเสียคนที่รัก
มารดาน้องเกดระบุว่า ส่วนความเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกสาวนั้น วันที่ 24 ม.ค. เวลา 13.00 น. สำนักงานคณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือเชิญตนและครอบครัวไปพบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกสาว ซึ่งตนเตรียมรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ อาทิ ใบชันสูตรพลิกศพ รวมทั้งคลิปวิดีโอวันสลายการชุมนุมคืนวันที่ 19 พ.ค. นำไปมอบให้ป.ป.ช.พิจารณาด้วย
- กก.สิทธิ์อังกฤษเชิญให้ข้อมูล
นางพะเยาว์เปิดเผยด้วยว่า ล่าสุดมีหนังสือเชิญจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของประ เทศอังกฤษ ซึ่งมีส.ส.อังกฤษ ร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย ส่งมาที่บ้านพัก เชิญให้ตนและลูกชายบินไปพบเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องเกด เนื่องจากอังกฤษสนใจคดีการเสียชีวิตของน้องเกดมาก โดยตนและลูกชายจะออกเดินทางวันที่ 30 ม.ค.นี้ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและระหว่างอยู่อังกฤษทั้งหมดทางฝ่ายผู้เชิญออกให้ ตนจะใช้โอกาสตรงนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกสาว รวมทั้งให้ข้อมูลการเสียชีวิตของประชาชนทั้ง 91 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 รายด้วย
"ขณะนี้รวบรวมหลักฐานไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปมอบให้กับคณะกรรมการชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดีโอ ช่วงที่รัฐบาลสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย ถนนดินสอ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ และวัดปทุมวนาราม ซึ่งเป็นพื้นที่เขตอภัยทานที่ลูกสาวเสียชีวิต และยังมีภาพถ่ายอีกจำนวนมากที่ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บนำมามอบให้ เพื่อให้ตนเป็นตัวแทนในการนำหลักฐานภาพถ่ายดังกล่าวไปชี้แจงและมอบให้กับทางคณะกรรมการของอังกฤษ" นางพะเยาว์กล่าว
- ชี้'ดีเอสไอ'ทำคดีไม่คืบหน้า
ด้านนายณัทพัช น้องชายน.ส.กมนเกด เสริมว่า กรณีที่คณะกรรมการวุฒิสภาเชิญพนักงานสอบสวนดีเอสไอไปให้ข้อมูลกรณีการสอบ สวนคดี 91 ศพ และยังยอมรับพบหลักฐาน 13 ศพพอเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐนั้น ข้อมูลที่ดีเอสไอไปชี้แจงกับคณะกรรมการวุฒิสภาดังกล่าวเป็นข้อมูลเดิมที่เคยแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรคืบหน้า ดีเอสไอยังไม่สามารถนำตัวผู้ก่อเหตุและผู้สั่งการฆ่าประชาชนมาลงโทษได้ ทั้งที่พยานหลักฐานทั้งคลิปวิดีโอ ภาพนิ่งก็มีมากมายและชัดเจนว่าหน่วยงานไหนออกมาปฏิบัติหน้าที่ในวันสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง และหน่วยไหนใช้อาวุธสงครามยิงใส่เข้าไปในเต็นท์พยาบาลในวัดปทุมวนาราม จนเป็นเหตุให้พี่สาวตนและเพื่อนๆ เสียชีวิตรวม 6 ศพ
นายณัทพัชกล่าวต่อว่า ก่อนที่ตนและมารดาจะเดินทางไปอังกฤษ ตนจะทำหนังสือส่งไปถึงคณะกรรมการวุฒิสภาชุดนี้เพื่อให้นัดดีเอสไอมานั่งหารือและพูดคุยกันอีกครั้ง เพื่อขอทราบความชัดเจนในการทำคดี เพราะผ่านมานานเกือบ 1 ปี คดีไม่มีความคืบหน้า ตนยืนยันและรับปากกับคนเสื้อแดงว่าการเดินทางไปยังอัง กฤษจะไม่ให้สูญเปล่า จะใช้ช่องทางนี้ช่วยเรียกร้องความยุติธรรมแทนให้ทั้งหมด รวมทั้งพี่สาวของตนที่เสียชีวิตไปด้วย
- 'สมบัติ'แนะสลับจุดชุมนุม
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ "บ.ก.ลายจุด" แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทราบว่านางธิดา ประ ธานนปช. และนายจตุพร แกนนำนปช. ไปพบกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าย่านราชประสงค์ ส่วนรายละเอียดการหารือนั้นยังไม่ทราบว่าผลสรุปอย่างไร ทั้งนี้ ตนเคารพสิทธิทุกคน รวมทั้งเคารพสิทธิของผู้ประกอบการที่ออกมาเคลื่อนไหวกลุ่มดังกล่าว ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าการจัดชุมนุมเดือนละ 2 ครั้งบริเวณสี่แยกราชประสงค์นั้นค่อนข้างหนักมาก หากเป็นไปได้ก็ลดเหลือเดือนละ 1 ครั้ง และเปลี่ยนสถานที่ชุมนุมจากสี่แยกราชประสงค์ไปที่หน้าทำเนียบ สภา สวนลุมพินี และสวนจตุจักร เป็นต้น เนื่องจากสถานที่เหล่านี้สามารถเรียกมวลชนให้เข้ามาร่วมกิจกรรมได้มากขึ้น
- ชี้'แดง'ก้าวข้ามจุดเลือกตั้ง
นายสมบัติกล่าวต่อว่า ช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองพบว่ามีหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้แก้ไขปัญหา อย่างกรณีล่าสุดที่มีการชุมนุมประท้วงกรณี 7 คนไทยถูกกัมพูชาจับกุมที่หน้ากระทรวงการต่างประเทศและหน้าทำเนียบ รวมทั้งการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประกอบการราชประสงค์ ซึ่งปัญหาต่างๆ กำลังรุมเร้าไปยังรัฐบาลจนมึน และเชื่อว่าช่วงนี้รัฐบาลคงจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จ และเตรียมตัวเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ส่วนตัวไม่แคร์ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ และเชื่อว่าคนเสื้อแดงก็ไม่ตื่นเต้นเช่นกัน เพราะก้าวข้ามจุดนั้นมาแล้ว รัฐบาลจะอยู่จนครบเทอมก็อยู่ไป เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ค่อยว่ากัน และช่วงนี้ทางนปช.อยู่ระหว่างปรับรูปขบวนปรับฐานให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับการเลือกตั้ง
"ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ ทราบว่าทางกลุ่มแดงสยามจะนัดรวมตัวกันบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ทำกิจกรรมเผาถุงเซ็นทรัล เพื่อประท้วงที่มีการออกมาเคลื่อนไหวให้คนเสื้อแดงยุติการชุมนุมบริเวณราชประสงค์" บ.ก.ลายจุด กล่าว