ทูตไทยประจำเขมรยันไม่เคยบังคับให้7คนไทยสารภาพ

นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ

เปิดแถลงข่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 12 มกราคม ซึ่งเป็นครั้งแรกนับแต่ทางการกัมพูชาจับกุมนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และพวก 7 คนไทย ว่า ที่ผ่านมานับตั้งแต่ 7 คนไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ทางสถานทูตไทยประจำกรุงพนมเปญช่วยเหลือทั้ง 7 คนไทยเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนที่มีภาระหน้าที่ค้นหาความเป็นธรรม จัดหาทนายและการเชื่อมดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ผู้ต้องหา 7 คน มี 2 คน คือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ได้รับทราบข้อกล่าวหาจากศาลกรุงพนมเปญเป็น 3 ข้อหา คือ เพิ่มข้อหาจารกรรมอีก 1 ข้อหา ส่วนอีก 5 คนมีข้อหาเดิม กระบวนการในการพิจารณาคดีของศาลกรุงพนมเปญ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนปากคำจำเลย
  
นายประศาสน์กล่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 12 มกราคม อัยการไต่สวน 2 คน คือ นายวีระ และ น.ส.ราตรี ในข้อหาใหม่ ดังนั้นการดำเนินการหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับทางศาลประจำกรุงพนมเปญจะไต่สวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือนัดฟังคำพิพากษาหรือตัดสินคดีเมื่อใด คงต้องรอความชัดเจนจากศาลเพียงอย่างเดียว   

"ในส่วนของสถานทูตขอยืนยันว่า ไม่มีการบังคับให้คนไทยทั้ง 7 คนรับสารภาพว่า ได้เข้ารุกล้ำดินแดนของกัมพูชา ทุกอย่างเป็นการดำเนินการเป็นอิสระของทุกคนที่มีการให้ข้อความกับศาลเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการถูกจับกุมในครั้งนี้"


นายประศาสน์กล่าวว่า การช่วยเหลือดูแลทั้ง 7 คนไทยในคุกเปรยซอร์ นอกจากให้ญาติได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมแล้ว ยังเสาะหาอาหารให้อย่างดีที่สุด
 
เพราะมีบางคนกินมังสวิรัติ ในวันที่ 13 มกราคม ญาติของนายพนิช และนายแซมดิน จะเข้าเยี่ยม  ในส่วนของการุณ ใสงาม และกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่เข้าเยี่ยมนายวีระ ตอนนี้อนุญาตแล้วให้เข้าเยี่ยมได้ แต่ยังไม่ระบุวันว่าจะได้เข้าเยี่ยมเมื่อใด
 
นายประศาสน์กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาคดีนั้นขึ้นอยู่กับทางทนายความของกัมพูชาว่า ต้องการคนไทยเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่

ส่วนล่ามคนไทยที่นายวีระต้องการนั้น อยู่ในระหว่างการประสานงานและอยู่ในส่วนกระบวนการไต่สวนอยู่ในขั้นตอนของศาล หากต้องการเป็นพิเศษทางสถานทูตยินดีจัดหาให้และที่ผ่านมาเสาะหาคนที่จะมาเป็นล่ามให้แล้ว
ก่อนหน้านี้ นายการุณ ใสงาม และนายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เดินทางมาถึงศาลชั้นต้นกรุงพนมเปญ พร้อมกับเจรจากับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาล ขอเข้าร่วมสังเกตการณ์ และเข้าฟังการไต่สวน ทั้งนี้ นายการุณและนายณฐพรให้ความเห็นแสดงความเป็นห่วงที่อัยการกัมพูชาตั้งข้อหาเพิ่มให้นายวีระ และ น.ส.ราตรี
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายการุณและนายณฐพรเข้าไปในศาลเข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญอย่างรุนแรง


ระบุการประสานงานเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้นายวีระและนางราตรีถูกตั้งข้อกล่าวหาเพิ่ม และเร่งรัดให้ทีมที่ปรึกษากฎหมายของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติเข้าร่วมทำคดี ระหว่างนายการุณและนายณฐพรกำลังต่อว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตอยู่นั้น เป็นเวลาเดียวกันกับที่ศาลไต่สวนนายวีระเสร็จสิ้นพอดี และเจ้าหน้าที่เรือนจำเปรยซอร์นำตัวนายวีระออกจากศาล ทำให้นายการุณและนายณฐพรไม่มีโอกาสได้พบปะหรือพูดคุยกัน


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์