ทิพาวดี ชิ่งหนีตั้งอนุญาโตฯ ถกค่าปรับไอทีวี-ชี้พ้นภาระ สปน.

คุณหญิงทิพาวดี ปัดข้อเสนอพนักงานไอทีวี ปิดประตูตายตั้งอนุญาโตฯ ทบทวนค่าปรับ ยันต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลเท่านั้น เผยไต่สวนสัญญาสัมปทานไอทีวีนัดแรก 8 ธ.ค. เป็นหน้าที่ของ อสส.ไม่เกี่ยว สปน.แล้ว

วันนี้ (6 ธ.ค.) คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่พนักงานบริษัท ไอทีวี ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมตั้งหน่วยงานกลางทบทวนคำสั่งปรับเป็นเงินแสนล้านบาทว่า ตนได้สั่งการให้นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะทำงานสัญญาสัมปทานกับบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ทำสรุปขั้นตอนค่าปรับไอทีวีเสนอต่อนายกรัฐมนตรีแล้วเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้น แต่ไม่ใช่ว่าจะให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจ โดย สปน.จะสรุปและพิจารณาข้อร้องเรียน ผลการประชุมทุกๆ ครั้ง และสัญญาทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ สปน.ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด ในประเด็นที่ไอทีวีขอตั้งอนุญาโตตุลาการรอบ 2 หรือค่าปรับที่ไอทีวีเห็นว่าไม่เป็นธรรมนั้น ตนก็ยังไม่ได้รับทราบข้อมูลเช่นกัน เพราะเรื่องนี้ได้พ้นทาง สปน.ไปแล้ว และมีการทำเรื่องส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อแจ้งให้ไอทีวีดำเนินการตามข้อกฎหมายและคำวินิจฉัยของศาลปกครอง

นายจุลยุทธ กล่าวว่า สปน.ได้เร่งทำเอกสารสรุปประเด็นข้อมูลสัญญา ปัญหาและตัวเลขการคำนวณค่าปรับ เสนอต่อนายกรัฐมนตรีให้เร็วที่สุด ซึ่งตัวเลขค่าปรับทั้งหมดถือเป็นข้อมูลเก่าที่ทาง สปน.ได้คำนวณไว้ ตั้งแต่สมัยนายรองพล เจริญพันธุ์ ดำรงตำแหน่งปลัดฯ รวมทั้งคำวินิจฉัยของทั้งศาลปกครองกลาง เรื่องนี้จริงๆ แล้วไม่ต้องเสนอต่อนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อทางพนักงานบริษัทไอทีวี ยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรีทาง สปน.ก็คงต้องทำข้อมูลเพื่อเสนอต่อไปทั้ง ๆที่เป็นข้อมูลเดิมทั้งหมดและเรื่องนี้ก็เสนอต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว

ส่วนกรณีที่ สปน.ทำหนังสือไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการในกรณีที่บริษัท ไอทีวี ขอตั้งคณะอนุญาโตตุลาการรอบ 2 นั้น ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดได้รับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาว่าจะตั้งอนุญาดตตุลาการขึ้นมาอีกหรือไม่ โดยทาง สปน.ไม่มีหน้าที่พิจารณาเรื่องนี้

นายจุลยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดไต่สวนของศาลปกครองสูงสุดในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ ถือว่าเป็นการเปิดการไต่สวนนัดแรก เพราะเป็นการเรียก สปน.กับไอทีวี ไปรับฟังคดีเท่านั้นและยังไม่มีการตัดสินคดีแต่อย่างใด นอกจากนี้ สปน.ก็ไม่ต้องชี้แจงประเด็นอะไรเพิ่มเติมอีก แต่จะชี้แจงเพียงว่า เรื่องได้ส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการทั้งหมดแล้ว