“สุเทพ” ปัดแลกเปลี่ยนตัวนักโทษเขมร-ไทย แถมข้องใจคนปูดข่าวยิงคนเขมรตัดไม้ที่กันทรลักษณ์ทั้งที่เกิดนานแล้ว แจงเพราะพกอาวุธ วอน 2 ฝ่ายหยุดเติมเชื้อไฟ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงขั้นตอนการขอประกันตัว 7 คนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัว ว่า คงตอบไม่ได้ว่าคนไทยทั้ง 7 จะได้ประกันตัวหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของทีมทนายและดุลยพินิจของศาลกัมพูชา ซึ่งก็เหมือนกับบ้านเราที่อยู่ในดุลยพินิจของศาลเช่นกัน
เมื่อถามว่า การนำประเด็นเรื่องพลัดหลงเข้าไปในเขตกัมพูชามาต่อสู้ มั่นใจว่าศาลกัมพูชาจะรับพิจารณาหรือ นายสุเทพ กล่าวว่า คงให้ความเห็นไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในศาลแล้ว การพูดน้อยเท่าไหร่ถือเป็นเรื่องดี คนไทยควรจะมีสติ ถ้าเอาอารมณ์ ความสะใจ จะเกิดผลเสียหายต่อทั้งคนไทยทั้ง 7 และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ การเป็นเพื่อนบ้านกันจะต้องอดทนและผ่อนหนักผ่อนเบาดีต่อกันไว้ดีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังมีช่องทางช่วยเหลือทั้ง 7 คนอยู่ ยังคงต้องพยายามต่อไปทุกวิถีทาง ทั้งทางลับและระดับรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลดีมากที่สุด
เมื่อถามว่า ตัวแทนเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติที่พยายามเข้าไปเป็นที่ปรึกษาทนายให้กับนายวีระ สมความคิด จะยิ่งเป็นการกดดันการพิจารณาของศาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ ส่วนที่เครือข่ายฯ เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลต้องทำในแนวทางที่เห็นว่าดีที่สุดและถูกต้อง ส่วนความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักโทษไทยกับกัมพูชานั้น เฉพาะกรณีนี้ยังไม่ได้พูดคุยกันในรายละเอียด แต่ในอดีตเราเคยเจรจากันไว้ ซึ่งทางกัมพูชาได้ปล่อยนักโทษคนไทยมาแล้วตอนที่ตนเดินทางไปกัมพูชา แต่กระบวนการของเรายังไม่สามารถจะส่งนักโทษของกัมพูชาคืนไปให้เขาได้ เพราะเรามีขั้นตอนทางกฎหมายของเรา
เมื่อถามถึงกรณีที่สื่อกัมพูชาเสนอข่าวมีเจ้าหน้าที่ของไทยยิงคนกัมพูชาที่เข้ามาตัดไม้บริเวณ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ มีอะไรซ่อนเร้นหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรซ่อนเร้น ทั้ง ตชด. และทหารที่ดูแลบริเวณชายแดน ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติตามปกติ แต่ที่เกิดปัญหาขึ้น เพราะมีคนกัมพูชาซึ่งถืออาวุธเข้ามาตัดไม้ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปผลักดันจับกุมก็ต่อสู้ จึงเกิดการปะทะกัน แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมานานแล้ว ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์จับกุม 7 คนไทย ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงมีข่าวดังกล่าวออกมาเผยแพร่ในช่วงนี้ ไม่ทราบว่าผู้ที่เผยแพร่ข่าวมีความประสงค์อะไร
ทั้งนี้อยากเรียกร้องว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไทยหรือกัมพูชา จะต้องไม่ไปเติมเชื้อของความร้อนแรง ทั้ง 2 ฝ่ายควรหาทางให้เหตุการณ์คลี่คลายลงด้วยดี เพื่อให้สัมพันธไมตรีระหว่างสองประเทศที่ได้ทำมาก่อนหน้านี้ดีขึ้นอีก ส่วนบริเวณแนวชายแดนไทย กัมพูชานั้น ขณะนี้ยังเป็นไปตามปกติ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ เพราะเราไม่ต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียดไปกว่านี้ คิดว่าหลังจากจบปัญหานี้แล้วทั้งสองประเทศคงต้องพูดคุยถึงพื้นที่ที่เป็นปัญหาตลอดแนวชายแดนต่อไป.