ที่ทำเนียบฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศมาตรการร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ในส่วนกระบวนการประชาวิวัฒน์ เพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนและยั่งยืน
กล่าวว่าข้อสรุปที่ได้เปรียบเสมือนของขวัญปีใหม่ 9 ชิ้นที่จะมอบแก่คนไทย และมาตรการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาโครงสร้างหรือความเป็นธรรม ไม่ใช่การทุ่มงบประมาณลักษณะลด แลก แจก แถม หรือลักษณะประชานิยม โดยจะใช้งบประมาณเพียง 2 พันกว่าล้านบาทเท่านั้น แต่เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นเงินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท
สำหรับของขวัญชิ้นแรก จะมอบให้ประชาชนที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมที่มีประมาณ 10 ล้านคน รัฐบาลจะปรับกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถสมทบ เงินไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน
เพื่อให้เข้ามาอยู่ในระบบประกันสังคมได้ คาดว่าจะมีผลตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ส่วนของขวัญชิ้นที่สอง เปิดโอกาสให้คนขับรถแท็กซี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อรถใหม่ โดยเงินผ่อนอาจจะถูกกว่าการเช่ารถ ขณะเดียวกัน จะมีสินเชื่อให้ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยด้วย ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณ เพราะเป็นเรื่องของสถาบันการเงิน และมั่นใจว่า การคัดกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดหนี้เสีย เพราะพวกเขามีรายได้ที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ของขวัญชิ้นที่สาม จะมอบให้แก่ผู้ประกอบอาชีพมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยเปิดโอกาสให้ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีบัตรประจำตัวและระบบต่างๆ ที่ชัดเจน
สามารถพัฒนาไปสู่สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้ในอนาคต รวมทั้งจะปรับปรุงวินให้มีที่พักหรือป้ายราคาที่ชัดเจน โดยใช้งบประมาณ 10 กว่าล้านบาทมาบริหารจัดการ และคาดว่าจะสามารถทำได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป เริ่มต้นที่กรุงเทพฯก่อน
นายอภิสิทธ์ กล่าวอีกว่า ของขวัญชิ้นที่สี่ จะมอบให้ผู้ค้าหรือหาบเร่แผงลอย โดยจะใช้หลักการเดียวกับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จะดูในเรื่องจุดผ่อนผันให้ค้าขายเพิ่มเติม เชื่อว่าจะช่วยได้มากถึง 2 หมื่นรายและสามารถลดรายจ่ายนอกระบบได้ คาดว่าจะเริ่มในเดือนเมษายนนี้
สำหรับการแก้ปัญหาเกี่ยวกับค่าครองชีพ จะมีของขวัญอยู่ 5 ชิ้น ประกอบด้วย
1.ในเดือนกรกฎาคมนี้จะเลิกอุดหนุนก๊าซแอลพีจี สำหรับภาคอุตสาหกรรม ส่วนภาคครัวเรือนและขนส่ง จะตรึงราคาไว้เหมือนเดิม โดยเชื่อว่าจะทำให้ฐานะของกองทุนน้ำมันดีขึ้น หรือเท่ากับเรามีอาวุธไว้ต่อสู้ในช่วงที่น้ำมันแพง
2.จะดำเนินมาตรการต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชน 9.1 ล้านครัวเรือน ที่ใช้ไฟต่ำกว่า 90 หน่วยได้ใช้ไฟฟ้าฟรี
3.จะดูแลในเรื่องของราคาอาหารสัตว์และพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรหรืออาหารไม่สูงเกินไป
4.ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมและมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนราคาต่าง ๆ อย่างโปร่งใส
5.จะเน้นดูแลจุดเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม โดยตั้งเป้าว่า ภายใน 6 เดือน คดีอาชญากรรมต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องลดลงร้อยละ 20
ของขวัญทั้ง 9 ชิ้นดังกล่าวจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 11 มกราคม ก่อนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาติดตามเพื่อให้ของขวัญทั้ง 9 ชิ้นถึงมือประชาชน"