กรรมการติดตามสถานการณ์วุฒิฯ แฉหลังบ้านหลายคน "อู้ฟู" จากงบ ศอฉ. เตรียมเชิญ "สตช.-ธาริต" แจงความคืบหน้าสลายม็อบแดงสัปดาห์หน้า
วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า มีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา โดยมีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ทำหน้าที่ประธานการประชุมพิจารณาเรื่อง เหตุการณ์การเสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม ในการสลายการชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งเชิญพยานและญาติผู้เสียชีวิต มาชี้แจง
โดย นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด ผู้ช่วยพยาบาลที่เสียชีวิตในวัดปทุมฯ กล่าวว่า วันที่ 19 พ.ค. เวลา 6 โมงเย็นเศษ ๆ ยังโทรคุยกับลูกสาว โดยได้ยินเสียงปืนอยู่ข้างหลัง แต่พอทุ่มกว่ากลับมาทราบว่า ลูกสาวเสียชีวิตอย่างนึกไม่ถึง เพราะไม่มีประเทศไหนรบกันในจุดที่พยาบาลทำงานช่วยชีวิตคนอยู่ ที่ต้องถือว่าเป็นจุดปลอดการต่อสู้ มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ยิงเข้าไปที่จุดพยาบาล แถมยิงในวัดที่เป็นเขตอภัยทานด้วย จึงอยากให้รัฐบาลออกมาชี้แจง อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะเท่าที่ตนได้สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนบอกว่า ทหารยิงไม่ใช่คนชุดดำยิง ซึ่งทางครอบครัวเราจะขอความช่วยเหลือจากทุกที่ ไม่ใช่แค่เพื่อลูกสาว แต่เพื่อทุกคนที่ตาย ตอนนี้ผ่านไป 8 เดือนแล้ว แต่ทำไมการสืบสวนล่าช้ามาก
ในส่วนของ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันประปกเกล้า รองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า เท่าที่ดูหลักฐานการชันสูตรพบว่า น.ส.กมลเกด โดนยิงต้นขาขาว ต้นแขนขวา บ่าทะลุศีรษะ ซึ่งตั้งใจยิงแบบโหดเหี้ยม และน่าจะถูกยิงในท่าโก้งโค้งหลบลูกกระสุนอยู่ ส่วนตัวเชื่อว่า ตอนนี้ตำรวจทราบวิถีกระสุนแล้วและมีหัวกระสุนตกในพื้นที่ จึงน่าจะตรวจสอบได้ว่า กระสุนมาจากกระบอกไหน
ด้าน นายอรัณย์ โตทวด หัวหน้าแผนกบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิปอเต็กตึ้ง กล่าวว่า พอเกิดเหตุตั้งแต่เดือน มี.ค. ศูนย์เอราวัณมีคำสั่งห้ามอาสาสมัครทุกมูลนิธิเข้าไปช่วยถึงในที่เกิดเหตุ แต่ให้รออยู่รอบนอก ทั้งนี้บุคคลที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ที่ปอเต็กตึ้งไปรับไม่พบการพกอาวุธ
จากนั้นกรรมการหลายคน อาทิ นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา ต่างระบุว่า ปัญหาตอนนี้คือ การช่วยเหลือเยียวยา การจับกุมคุมขังและการประกันตัว กระบวนการสืบสวนที่ล่าช้า ถ่วงเวลา การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา เพราะผู้สืบสวนคือลูกน้องของรัฐบาลที่เป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง รวมถึงช่องทางอื่น เช่น ศาลอาญาระหว่างประเทศจะเป็นช่องทางหรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่เข้าไปสอบสวนมาตั้งนานวันนี้น่าจะรู้แล้วว่าใครยิงใคร แต่อาจจะไม่ยอมเปิดเผย ดังนั้นต้องเชิญหน่วยงานสอบสวนมาให้ข้อมูลเพื่อชี้แจงกับสังคม นอกจากนี้การที่รัฐบอกว่ามีคนชุดดำ 500 คน แต่ทำไมถึงจับไม่ได้แม้แต่คนเดียว รวมถึงการใช้งบของ ศอฉ.เพราะทราบว่า ตอนนี้หลังบ้านหลายคนอู้ฟู่
ท้ายสุดนายจิตติพจน์ กล่าวสรุปว่า ที่ประชุมจึงมีมติว่าให้เชิญ สตช.และดีเอสไอ โดยให้เชิญผ่านไปทาง รมว.ยุติธรรม ให้สั่งการให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ มาชี้แจงความคืบหน้าในการสอบสวนคดีในการประชุมคณะกรรมการฯ ในสัปดาห์หน้า