อธิบดีดีเอสไอเตรียมไล่บี้กลุ่มทุนเลี่ยงภาษี เรียกเก็บภาษีพร้อมเบี้ยปรับจากกลุ่มทุน เผยก่อตั้งกรมนาน 7 ปี เรียกคืนภาษีแล้วกว่า 14,000 ล้าน
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงผลการดำเนินคดีของสำนักคดีภาษีอากรเพื่อเรียกเงินภาษีที่ถูกหลบเลี่ยงกลับคืนให้รัฐ ว่า ดีเอสไอได้เร่งรัดดำเนินคดีสำแดงเท็จเพื่อหลบเลี่ยงภาษีทั้งภาษีเงินได้ ภาษีศุลกากร และภาษีสรรพสามิต นับจากก่อตั้งดีเอสไอปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ดีเอสไอสามารถเรียกคืนภาษีกลับคืนให้รัฐได้ 14,502,831,516 บาท โดยในปี 2552 มีการดำเนินคดีเรียกเก็บภาษีพร้อมเบี้ยปรับจำนวน 2,989,693,015 บาท และในปี 2553 มีการดำเนินคดีเรียกเก็บภาษีพร้อมเบี้ยปรับจำนวน 102,904,861 บาท เช่น กรณีบริษัทริชมอนเด้ ซึ่งนำเข้าสุราต่างประเทศยี่ห้อดัง เสียภาษีไม่ถูกต้อง ทำให้รัฐเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทได้แจ้งมายังดีเอสไอว่าจะยอมเสียภาษีดังกล่าวที่หลบเลี่ยงไปพร้อมค่าปรับทั้งหมด ซึ่งทำให้มีรายได้เข้ารัฐเพิ่มมากขึ้น
นายธาริต กล่าวถึงแนวโน้มการก่ออาชญากรรมทางเศรษฐกิจในปี 2554 ว่า
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีการเงินการธนาคาร และฝ่ายจัดเก็บข้อมูลของดีเอสไอเฝ้าติดตามและวิเคราะห์การกระทำความผิดของผู้ก่ออาชญากรรมในคดีเศรษฐกิจพบว่า แนวโน้มการก่ออาชญากรรมจะเพิ่มสูงขึ้น มีการพัฒนารูปแบบและวิธีการไปเรื่อยๆ และขยายเครือข่ายเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งดีเอสไอจะต้องปรับตัวและพัฒนาให้รู้เท่าทันกลุ่มอาชญากรที่มีความรู้ เป็นไวท์คอร์ราคราม
เนื่องจากการป้องกันและปราบปรามคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเป็นภารกิจหลักของดีเอสไอ
แต่ต้องยอมรับว่า คดีเกี่ยวกับในตลาดเงินและตลาดทุน มีรูปแบบของการกระทำผิดที่สลับซับซ้อนยากต่อการพิสูจน์หลักฐาน การควบคุมและป้องกันนั้นเป็นไปได้ยาก ประกอบกับสภาพปัญหาที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเผชิญกับข้อจำกัดบางประการที่ไม่สามารถผลักดันให้การทำให้การสืบสวนและสอบสวนไม่รวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ ดีเอสไอจึงต้องทำงานร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)
นายธาริต กล่าวว่า สำหรับคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจสำคัญที่ยังค้างการพิจารณาของดีเอสไอ
ได้แก่ 1.คดีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับพวก ไม่รายงานการถือครองหลักทรัพย์ต่อกลต. กรณีการขายหุ้นกลุ่มชินให้กับบริษัทแอมเพิลริช และขายต่อให้กับกลุ่มเทมาเส็ก โดยไม่รายงานหุ้นที่ถือครองและหุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อบริษัทวินมาร์ค คดีอยู่ระหว่างการออกหมายเรียกผู้ต้องหา และพยานเข้าให้การเพิ่มเติม 2 คดีผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุจริตฟอกเงินจากการอนุมัติสินเชื่อให้กับบริษัทในเครือกฤษดานคร
ที่ผ่านมามีการสอบปากคำพยาน 148 ราย ตรวจสอบเอกสารเส้นทางการเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ 3 คดีปั่นหุ้นปิกนิก 4 คดีบริษัทเพรสซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด
นำเอกสารค้าข้าวระหว่างประเทศมาเวียนเทียนขอกู้เงิน และฉ้อโกงเงินจากสถาบันการเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 10,000 ล้านบาท 5 คดีบริษัทเอส.อี.ซี.ซี.ออโต้เซลล์แอนด์เซอร์วิส ยักยอกทรัพย์จากบริษัทซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อำพรางการสั่งซื้อรถยนต์ที่ไม่มีอยู่จริง มูลค่าความเสียหาย 300 ล้านบาท ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีไปต่างประเทศ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
