สาทิตย์ไม่หวั่นกรุงเทพโพลให้รัฐฯสอบตก

“สาทิตย์” ไม่หวั่นกรุงเทพโพลให้คะแนนรัฐบาลสอบตก แจงแค่เสียงสะท้อนส่วนเดียว ชี้ต้องดูหลายโพลประกอบ เตรียมตีปี๊บแถลงผลงานรอบ 2 ปี ฟุ้งทำเศรษฐกิจฟื้นตัว

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่กรุงเทพโพลออกสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่า "รัฐบาลสอบตก" ว่า เป็นเรื่องปกติที่พอถึงสิ้นปีก็ต้องมีโพลออกมา และคงจะมีออกมาอีกหลายโพล โดยในส่วนของรัฐบาลมีหน้าที่รับฟังว่าแต่ละโพลคิดอย่างไร

อย่างไรก็ตามโพลที่ระบุว่ารัฐบาลสอบตกนั้น คะแนนก็ไม่ได้ต่างจากที่ให้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นเสียงสะท้อนหนึ่ง โดยในโพลมีการพูดถึง 3 เรื่องที่น่าสนใจที่อยากให้รัฐบาลทำ ได้แก่ 1.แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ดีขึ้น 2.อยากเห็นการแก้ปัญหาเรื่องความสงบ และ 3. อยากเห็นการยุบสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับฟัง

เมื่อถามว่า รัฐบาลออกนโยบายประชาวิวัฒน์จำนวนมาก แต่โพลที่ออกมากลับได้คะแนนเพียง 3.82 %

สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเชื่อถือรัฐบาลน้อยลงหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า โพลแต่ละแห่งจะไม่ค่อยเหมือนกัน ซึ่งถือเป็นการสะท้อนความเห็นของคนส่วนหนึ่ง แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะอย่างเรื่องการทำนายผลการเลือกตั้ง บางโพลก็ใกล้เคียง บางโพลก็ไม่ใกล้เคียง แต่เราไม่ปฏิเสธโพล รัฐบาลมีหน้าที่รับฟัง แต่ก็ต้องดูหลายโพลประกอบกัน จะมาดูเพียงโพลเดียวแล้วบอกว่าเป็นจริงตามนั้นคงไม่ได้ ส่วนงานที่รัฐบาลทำไป ต้องคำนึงว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์หรือไม่

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลได้กำหนดวันที่จะแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีไว้แล้ว ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล 

โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงด้วยตัวเอง ซึ่งเนื้อหาจะครอบคลุมงานที่รัฐบาลทำไปในช่วง 2 ปี และเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงก่อนมาเป็นรัฐบาล และ 2 ปีที่รัฐบาลได้ทำไป จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนและสื่อมวลชนติดตามการแถลงผลงานดังกล่าวก่อน ตัดสินใจอะไร

เมื่อถามว่า แสดงว่ามั่นใจผลงานของรัฐบาลว่าเข้าตาประชาชน จนถึงขั้นคะแนนนิยมสูงขึ้น

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าคะแนนนิยมจะดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร แต่เป็นการรายงานให้ประชาชนเห็นว่าตลอด 2 ปี เราได้ทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจซึ่งทรุดหนักไปในช่วงก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามา ดีขึ้นอย่างไร โดยมีตัวเลขออกมายืนยัน และจะให้ข้อมูลที่เห็นชัดว่านโยบายแต่ละด้านนั้นมีใครได้รับประโยชน์บ้าง เช่น นโยบายประกันรายได้เกษตรกร 2 ปี มีคนได้รับประโยชน์มากกว่า 3.2 ล้านคน เป็นต้น นอกจากนี้จะพูดถึงงานที่รัฐบาลต้องทำในปีหน้าด้วย.