วานนี้ (20ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า วันที่ 20 ธ.ค.นี้
ถือเป็นวันครบรอบ 2 ปีของการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ถูกยื่นข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช. )ว่ารับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท กรณีที่ได้ขอให้บริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์มือถือส่งเอสเอ็มเอสกับประชาชน 17.2 ล้านเลขหมาย ซึ่งระยะเวลาการร้องเรียนผ่านมา 2 ปีแล้วแต่ป.ป.ช. กลับยังไม่มีมติวินิจฉัยในคดีนี้ ทั้งที่ป.ป.ช.เคยรับปากว่าคดีจะแล้วเสร็จในเดือนมี.ค. 2553 ซึ่งไม่รู้ว่า คณะกรรมการป.ป.ช. เป็นโรคความจำเสื่อมหรือน่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงหรือไม่ ทำไมต้องดองคดีไว้นานครบ 2 ปี
ทั้งที่ข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นที่ยุติแล้วว่าเป็นการได้รับประโยชน์จากการส่งเอสเอ็มเอสดังกล่าวจริง และมีมูลค่านับ 10 ล้านบาท
หากเป็นนายกรัฐมนตรีคนอื่นที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องตกเก้าอี้นายกฯ ไปนานแล้ว จึงขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช. ชี้มูลคดีดังกล่าวให้แล้วเสร็จก่อนปีใหม่ ไม่เช่นนั้นป.ป.ช. อาจจะต้องถูกยื่นตรวจสอบเสียเอง โดยเรื่องนี้จะเป็นการพิสูจน์มาตรฐานของ ป.ป.ช. ว่ามีกี่มาตรฐานกันแน่และทำงานตรงไปตรงมาหรือไม่