มาร์คโต้ฮั้ว ปล่อยแดงพ้นคุก

สะเทือนใจ - นางธิดา โตจิราการ รักษาการประธานนปช. ซับน้ำตา
ด้วยความสะเทือนใจ หลังเข้าเยี่ยมผู้ต้องหากลุ่มเสื้อแดงในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
จากนั้นไปหารือกับกรมคุ้มครองสิทธิฯ เรื่องการประกันตัว ตามข่าว

'มาร์ค' โต้การพบ 'ธิดา -วีระ' ไม่มีการฮั้วหรือซูเอี๋ยเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แต่เรื่องประกันตัวตามที่ประธานนปช.คนใหม่เรียกร้องนักโทษเสื้อแดง 180 คนจะไม่ได้รับการพิจารณา เหมือนกันหมด

ระบุชัดระดับแกนนำจะต้องจบทีหลังคนอื่น อ้างถ้าให้แกนนำได้รับพิจารณา เหมือนพวกชาวบ้านก็เท่ากับสองมาตรฐาน 'เทพเทือก' หนุนการพูดคุยครั้งนี้ แต่เชื่อว่าฝ่ายจตุพรรวมถึง 'นายใหญ่' ไม่พอใจวีระ ขณะที่สงสัยในเพาเวอร์ของ 'ธิดา' ด้วย ศาลออกหมาย 5 แกนนำนปช.แล้ว นำทีมโดย 'อริสมันต์' หลังจากดีเอสไอเสนอชื่อมา 11 คน โดยที่เหลืออีก 6 คน ยังอยู่ในขั้นตอนอัยการ ส่วนการชุมนุมรำลึกที่ราชประสงค์ 19 ธ.ค.นี้ ตร.เตรียมกำลังไว้รับมือ 7 กองร้อย ให้ 'มือปราบหูดำ' ประสานงานใกล้ชิดกับเมียหมอเหวง

-เทือกหนุนมาร์คพบธิดา-วีระ

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนางธิดา โตจิราการ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำนปช.สายพิราบ เข้าหารือกับนายกฯ โดยมีนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ เป็นมือประสานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบรายละเอียด เพียงแต่นายกฯโทรศัพท์เล่าให้ตนฟังว่าบังเอิญเจอและได้พูดคุยกัน มีนายวัฒนาอยู่ด้วย ยืนยันว่านายกฯมีความตั้งใจจริงเรื่องความปรอง ดอง จะเห็นว่าหากมีโอกาส นายกฯพร้อมลงไปพูดคุยด้วยตัวเอง แม้แต่ช่วงที่มีเหตุการณ์รุนแรง นายกฯก็ไปเจรจากับนายวีระ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และน.พ.เหวง โตจิราการ

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนเห็นว่าการพูดคุยกันเป็นเรื่องดี เพื่อหาแนวทางที่จะให้สถานการณ์คลี่คลายและดีขึ้น จะได้เตรียมเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ผู้สื่อข่าวถามว่านปช. มีข้อเสนอเรื่องการขอประกันตัวคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีข้อเสนอใด มาที่ตน เขาต้องใช้เวลา อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าคนเหล่านั้นเมื่อประกันตัวไปแล้วจะสร้างปัญหา สร้างความเสียหายแก่ส่วนรวม ประเทศชาติ ประชาชนอย่างไรหรือไม่ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เจ้าหน้าที่จะคัดค้านการถอนประกันและศาลจะมีดุลพินิจ

-ซัดนายใหญ่-จตุพรไม่ไว้ใจวีระ

นายสุเทพ กล่าวว่า ทั้งนี้ นายกฯพยายามให้สิทธิต่อสู้คดีของผู้ต้องหาอย่างเต็มที่ เริ่มจากผู้ต้องหาที่ไม่มีแกนนำ ไม่มีคนใหญ่โตจากพรรคเพื่อไทยไปดูแล และเห็นว่าไม่ใช่ผู้ที่มีบทบาทสำคัญทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย เป็นคนที่ตามเขามา หลงผิด ทำผิดไป ถ้าได้รับการประกันตัวออกมาก็ไม่เสียหาย รัฐบาล ได้ดำเนินการไปแล้ว และยังพิจารณาอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ส่วนคนที่เป็นแกนนำ ผู้สั่งการ ผู้บงการ เมื่อพยานหลักฐานไปในลักษณะนั้น หากจะมาขอประกันตัวพนักงานสอบสวนคงต้องคัดค้านเพราะห่วงว่าออกมาแล้วจะทำให้บ้านเมืองสับสนยุ่งวุ่นวายไปอีก

เมื่อถามว่านายวัฒนา พยายามเป็นผู้ประ สานการเจรจามาตั้งแต่ที่มีเหตุการณ์ นายสุเทพ กล่าวว่า นายวัฒนาพยายามแสดงบทบาทในการเจรจา แต่ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรเป็นข้อเสนอที่ดี นายวัฒนาเคยพบกับตนเมื่อครั้งที่มีเหตุรุนแรงเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. ส่วนนางธิดา ตนไม่เคยพบ ไม่เคยสัมผัส ส่วนนายวีระนั้น รู้จักกันดี ช่วงวิกฤตตนได้เจอกับนายวีระบ้าง และนายวีระก็ได้เจรจากับนายกฯ โดยท่าทีนายวีระเป็นคนประนีประนอมมีเหตุผล ไม่ชอบความรุนแรง โดยเฉพาะในตอนท้ายนายวีระไม่ขึ้นเวทีเสื้อแดง และถอนตัว เพราะใช้ความรุนแรง แต่ตนไม่มั่นใจว่านายวีระมาเจรจาแล้วจะได้ผล เพราะฟังดูแล้วทราบว่าแกนนำพวกนายจตุพรไม่ค่อยชอบใจ ไม่ไว้ใจ จึงปล่อยข่าวทำลายเครดิตนายวีระอยู่มากเหมือนกัน และตนไม่แน่ใจว่าวันนี้นายใหญ่เขายังจะเชื่อใจใช้สอยนายวีระ ให้มาทำหน้าที่หรือไม่อย่างไร

-รับไม่แน่ใจเพาเวอร์ของธิดา

นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนนายจตุพรวิเคราะห์ง่าย เป็นคนที่แสดงท่าทีก้าวร้าว รุนแรง ชัดเจนมาตลอด และตนได้เห็นว่าตั้งแต่ช่วงเม.ย.-พ.ค. แล้วว่า แกนนำหลายฝ่ายเสื้อแดงพยายามเจรจาหาทางยุติเหตุรุนแรง มีแต่ฝ่ายนายจตุพรที่ไม่ยอม เมื่อถามว่ารัฐบาลประเมินสถานการณ์เสื้อแดงปีหน้าอย่างไร กังวลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้ตระหนักแล้วว่าสิ่งที่ดำเนินการมาช่วง 2 ปี เกิดความเสียหายแก่บ้านเมือง หลายคนคงสะท้อนให้เห็นว่า การใช้รุนแรงนั้น ไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย ตนเชื่อว่าเสื้อแดงคงมีการเคลื่อนไหว แต่ไม่รุนแรง และเตรียมตัวเดินเข้าไปสู่บรรยากาศการเลือกตั้งทั่วไป ส่วนรัฐบาลก็ทำตามกฎหมาย ตราบใดที่ยึดหลักเกณฑ์อย่างเข้มแข็งก็ไม่ต้องกังวลใจ

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า นางธิดาจะโน้มน้าวกลุ่มฮาร์ดคอร์ในเสื้อแดงได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบบทบาทตำแหน่งหน้าที่ จุดที่จะได้รับความเชื่อถือ ได้รับความไว้วางใจแค่ไหนของนางธิดา ตนไม่ทราบความตั้งใจของนางธิดาด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่าหากการเคลื่อนไหวของนปช.อยู่ในเงื่อนไขของนายกฯแล้ว การประกันตัวแกนนำมีความเป็นไปได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ได้ทบทวนข้อเท็จจริง ประเมินสถานการณ์ใหม่ เวลาเสนอขอประกันตัว เจ้าหน้าที่จะดูว่าสมควรคัดค้านหรือไม่อย่างไร

เมื่อถามถึงกรณีที่มีรายงานข่าวเรื่องการ เตรียมก่อวินาศกรรมในช่วงเทศกาลปีใหม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรน่ากังวลใจ ตนต้องการให้สื่อเสนอข่าวให้ประชาชนสบายใจ เมื่อถามว่า แต่นายกฯยอมรับว่ามีการข่าวราย งานเรื่องคาร์บอมบ์ที่จังหวัดภาคใต้ ทำให้ประชาชนตกใจ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกฯต้องการให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานด้วยความเข้มแข็ง ไม่ประมาท

-มาร์คชี้ 2 เงื่อนไขประกันตัว

เวลา 12.30 น. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการพูดคุยกับนางธิดาและนายวีระเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่มีการแลกเปลี่ยนอะไร รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน ให้สิทธิชุมนุมภายใต้กฎหมาย เรื่องการประกันตัวมี 2 ประเด็น 1.ทุกคนมีสิทธิได้รับการประกัน ระหว่างที่คดียังไม่มีคำพิพากษา และ 2.ข้อเสนอของที่คณะกรรมการอิสระตรวจสอบความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ชุดที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธานเสนอมา ทั้งนี้ รัฐบาลจะช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับการดูแลก่อน ส่วนแกนนำนปช. ก็บอกว่าข้อมูลของรัฐให้ศาลครบถ้วนหรือไม่ และต้องดูเจตนาว่าถ้าเขาจะไม่ก่อความวุ่นวาย และอยากสู้คดีอยู่ ต้องมาแลกข้อมูลตรงนี้ก่อน จากนั้นศาลจะใช้ดุลพินิจว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่

เมื่อถามว่าจะให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯไปเป็นพยานเหมือนที่นายวีระ ได้รับการประกันตัวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์คงเป็นพยานให้นายวีระเพียงคนเดียว เพราะช่วงนั้นติดต่อกันอยู่ จึงยืนยันข้อมูลบางอย่างได้ แต่แกนนำนปช. คนอื่นไม่ได้ติดต่อด้วย นายกอร์ปศักดิ์คงไปเป็นพยานให้ไม่ได้

-โต้ไม่มีการฮั้ว-ไม่มีต่อรองกัน

เมื่อถามว่าแสดงว่าการให้ข้อมูลของรัฐ มีส่วนสำคัญต่อดุลพินิจของศาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ยืนยันไม่มีการฮั้ว ทุกอย่างเป็นไปตามความเป็นจริง ยังมีคนสอบถามว่า การยื่นขอประกันตัว ทำเป็นการทั่วไปได้หรือไม่ ตนตอบว่าไม่ได้ ทุกอย่างต้องอยู่ ตามข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล ทุกอย่างไม่มีการฮั้ว ตกลงหรือต่อรองกัน ทุกอย่างเป็นไปตามความ เป็นจริง

เมื่อถามว่าถ้าคนที่ได้รับการประกันตัวออกมาสร้างความวุ่นวายอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงมีปัญหาแน่ ถึงบอกว่าการที่รัฐบาลจะเสนอข้อมูลอะไร ต้องมั่นใจพอสมควร เหมือน 2-3 รายที่ได้รับประกันตัวก่อนหน้านี้และมาพบกับตน ตนก็บอกว่าคดีนี้เป็นคดีแรกที่รัฐเข้าไปช่วย ถ้าคนเหล่านี้หลบหนี หรือมีพฤติกรรมอะไร รัฐจะอยู่ในฐานะลำบาก และทำให้คนอื่นหมดโอกาสได้รับการประกันตัว ทุกอย่างจึงต้องทำ ความด้วยความรับผิดชอบ เมื่อถามว่ารัฐบาลพร้อมรับผิดชอบเพื่อให้คนเหล่านี้ออกมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้ง รัฐบาลจะดูว่ามีข้อมูลอะไรที่เปลี่ยนไป และทำเกิดความเป็นธรรมรอบด้านมากขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมคุ้ม ครองสิทธิและเสรีภาพต้องไปพบกับผู้ถูกคุมขังเป็นรายบุคคล จากนั้นนำข้อมูลมาสรุป แล้วตัดสินใจว่าจะดำเนินการหรือไม่ จากนั้นเป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งใน 180 คน ตนตอบไม่ได้ว่าจะมีใครได้รับการประกันตัวบ้าง

-ถ้าช่วยแกนนำจะ 2 มาตรฐาน

เมื่อถามว่าจะจัดลำดับความสำคัญการยื่นขอประกันตัวอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจะช่วยคนที่ไม่มีทนาย คนมาช่วยเหลือตามกฎ หมายก่อน ตนยังเคยพูดเลยว่าถ้าไปให้ความสำคัญกับแกนนำก่อน จะเป็นสองมาตรฐาน เราต้องดูแลคนที่ไม่ได้รับการช่วยเหลือก่อน เมื่อถามว่าต้องคำนึงถึงเสียงสะท้อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมองและฟังความเห็นของทุกฝ่าย จึงต้องดูและเอาสิ่งที่เป็นเหตุผลแต่ละฝ่ายมา จึงไม่ควรมีข้อสันนิษฐานว่าทั้ง 180 คนไม่ควรได้รับความช่วยเหลือเลย หรือทั้ง 180 คนต้องได้รับการช่วยเหลือ ทุกอย่างเป็นไปตามความจริง

เมื่อถามว่าจะถูกมองว่ารัฐบาลเอาเรื่องนี้มาล่อเสื้อแดงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เรื่องนี้ตนตั้งคณะกรรมการอิสระ จึงต้องให้น้ำหนัก เหมือนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าเสนอมา ตนไม่เห็นด้วย จะต้องมีเหตุผลที่ดีกว่า

เมื่อถามว่านายกฯเคยยืนยันว่าผิดถูกควรจะให้กระบวนการยุติธรรมตัดสิน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่มีใครหลุดพ้นคดี สิ่งที่เขาร้องขอคือสิทธิเบื้องต้นได้รับการประกันตัว สิ่งที่รัฐ บาลทำคือความจริงใจของรัฐบาล เพราะเรามี หน้าที่รับฟังและดูแลทุกฝ่าย โดยไม่ให้เสียหลักการ ไม่มีกรณีให้คนเหล่านี้หลุดจากคดี หรือถ้ามีกรณีไหนที่เมื่อออกมาแล้วสร้างปัญหาให้กับสังคม รัฐบาลก็ไม่ควรทำ"

-ไม่มีใครรอดคดีแม้แต่คนเดียว

เมื่อถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าหากแกนนำนปช.ได้ออกมาแล้ว จะไม่ทำเหมือนนายจตุพร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องคุยก่อน ถ้าไม่คุยกันเลย ประเมินอะไรไม่ได้ หน้าที่รัฐบาลคือทำอย่างไรให้บ้านเมืองสงบสุข กรณีที่แกนนำและผู้ชุมนุมนปช.ถูกคุมขังหรือไม่ ตนไม่ได้ประ โยชน์ เพียงแค่คิดว่าทำอย่างไรให้มีความสงบสุขและทุกฝ่ายยอมรับ มันไม่มีทางถูกใจทุกคน ออกทางใดก็มีคนที่ไม่พอใจอยู่แล้ว ขอย้ำว่าตนจะไม่สันนิษฐานว่าทั้ง 180 คนจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน เพราะบางคนสมควร บางคนก็ไม่สมควร ต้องว่าตามความเป็นจริง แกนนำไม่มีสิทธิพิเศษเหนือเสื้อแดงคนอื่นๆ

เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลไม่เข็ดกับเหตุ การณ์ที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวเสียงขุ่นว่า รัฐบาลมีหน้าที่แก้ไขปัญหา เมื่อเดินหน้าแล้ว แต่ละคนอาจประเมินไม่เหมือนกัน บางคนว่าทำอย่างนี้แล้วจะสงบ บางคนว่าทำอย่างนี้แล้วยิ่งยุ่ง ในทางกลับกัน บางคนบอกว่าไม่ทำอะไรเลย บ้านเมืองจะสงบไปเอง อีกฝ่ายบอกว่าไม่ทำอะไรเลย บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ

เมื่อถามว่าเวลานี้จึงเลือกแนวทางแล้วกันไป อย่างนั้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ ตัดบทว่า "ไม่มี ไม่มีใครเลย ที่หลุดพ้นจากกฎหมายไม่มีแม้แต่คนเดียว ในแนวทางที่ทำทั้งหมด ไม่มีใครได้รับการยกเว้น ไม่ให้อยู่ภายใต้กฎหมายเลย ออกมาก็ถูกดำเนินคดี ไม่มีใครไม่ถูกดำเนินคดี"

-แดงจันท์ไล่มาร์คโดนสกัด

ก่อนหน้านี้เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วยนายอิสสระ สมชัย รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินทางมาที่วัดโพธิ์ทอง หมู่ที่ 2 ต.แสลง อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมีพระครูสังฆรักษ์ (มนัส ขันติธมโม) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง ประธานกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์วัดโพธิ์ทองจันทบุรี นายธีรเทพ ศรียะพันธ์ ผู้ว่าฯจันทบุรี และส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ให้การต้อนรับ เพื่อทำพิธีมอบเอกสารรับรองกลุ่มให้แก่กลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ จำนวน 12 จังหวัด และเปิดป้ายเครือข่ายเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ท่ามกลางประชา ชนกว่า 5,000 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ตชด.ค่ายบดินทรเดชา อ.มะขาม พร้อมอาวุธปืนยาวเต็มอัตรา อาสาสมัครตำรวจบ้านกว่า 1,000 นายคอยดูแลความปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงจันทบุรีประมาณ 30 คน มาชุมนุมบริเวณทางเข้าวัดโพธิ์ทอง แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดไม่ให้เข้าภายในวัด และเมื่อนายกฯเดินทางกลับในเวลา 10.45 น. ก็สลายการชุมนุม

-สาทิตย์ชี้จตุพร-ธิดาคนละแนว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการพบกันโดยบังเอิญระหว่างนายอภิสิทธิ์ และนางธิดา กับนายวีระ โดยมีนายวัฒนาเป็นคนประสานว่า "เขาก็เกี่ยวข้องมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่หรือ" ส่วนเรื่องที่มีการพูดคุยกันนั้น ที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวข้องกับความยุติธรรมและเท่าเทียมเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตนเห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการแก้ปัญหา เมื่อถามว่าแต่แนวทางของนางธิดากับนายจตุพร ดูเหมือนว่าจะสวนทางกัน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะแนวทางการเคลื่อนไหวของนายจตุพร ดูแตกต่างกับนางธิดาอย่างเห็นได้ชัด เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเขาก็มีหลายกลุ่มเคลื่อนไหว

ด้านน.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าแนวทางที่นายอภิสิทธิ์ได้พูดคุยกับนางธิดาและนายวีระ เชื่อว่าจะเป็นหัวใจที่สามารถใช้คลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งได้ และประชาชนคาดหวังว่าจะได้เห็นรูปแบบที่เป็นรูปธรรม ซึ่งตนมองว่าแกนนำนปช. ชุดใหม่น่าจะเข้าร่วมกระบวนการสมานฉันท์ ปรองดองที่รัฐบาลดำเนินการได้ ส่วนกรณีที่นายกฯ ระบุถึงการประกันตัวแกนนำเสื้อแดงที่ถูกคุมขัง ตามกลไกของกรมคุ้มครองสิทธิ์นั้น ถือว่าเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่ต้องการคลี่ คลายความขัดแย้งด้วย ซึ่งเชื่อว่าหากแกนนำนปช. ที่คุมขังยอมรับแนวทาง อาจมีช่องทางที่ศาลจะรับพิจารณาให้มีการประกันตัวได้

-เทพไทข้องใจธิดาหุ่นเชิดตู่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้นำประเทศพบกับกลุ่มการเมืองที่มีความคิดต่างทางการเมือง และเป็นเรื่องที่ดี ที่นายกฯรับฟังความคิดเห็นของทุกกลุ่ม ไม่ว่าสีใดก็ตาม จะได้เข้าใจความเห็น อย่างน้อยเป็น การรู้เขารู้เรา ส่วนที่มีบางฝ่ายออกมาท้วงติงว่าการคุยกับแกนนำกลุ่มเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาแกนนำไม่เคยทำตาม ตนอยากเรียนว่าการพูดคุยเป็นการสร้างบรรยากาศ ลดความขัดแย้งในระดับหนึ่ง และหากว่าคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามที่แกนนำประกาศ สังคมต้องพิจารณา และการที่นายกฯพบแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ขอให้สบายใจได้ว่านายกฯไม่ได้รับปากอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย เพราะนายกฯมีจุดยืนคือใช้นิติรัฐในการบริหารประเทศ ทั้งนี้ การเสนอให้ประกันตัวแกนนำในเรือนจำนั้น ตนคิดว่าเป็นอำนาจของศาล รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าหากแกนนำได้รับการปล่อยตัวจะออกมาก่อความวุ่นวายนั้นก็ว่าสามารถคิดได้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่ดุลพินิจของศาล และการประกันตัวต้องมีเงื่อนไข เพื่อไม่ให้กลุ่มคนเหล่านี้มาสร้างความวุ่นวาย ยืนยันว่าการพบของนายกฯไม่ได้เป็นการซูเอี๋ย หรือเป็นมวยล้มต้มคนดู

"ที่ผ่านมาการตั้งนางธิดาเป็นประธานนปช. นายจตุพรจะอยู่ข้างนางธิดาตลอด ไม่แน่ใจว่า เป็นการครอบงำหรือนางธิดาได้รับการอุปโลกน์หรือถูกเชิดโดยนายจตุพรหรือไม่ แต่ถ้านายจตุพรไม่เกี่ยวข้องกับกรรมการนปช.ชุดใหม่ ก็ต้องออกมายืนยันให้ชัดเจน ผมไม่อยากให้เกิดพฤติกรรมปากว่าตาขยิบ เพราะจะทำให้การประสานเป็นไปได้ยาก" นายเทพไทกล่าว

-รับจับตาช่วง 20 ธ.ค.ถึงปีใหม่

นายเทพไท ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการสร้างสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ หลังจากนายกฯออกมาชี้แจงว่าได้รับรู้เรื่องดังกล่าวมาบ้างแล้วว่า ยอมรับว่ากระแสข่าวดังกล่าวมาจากแหล่งข่าวที่มีความน่าเชื่อถือ แต่การที่รัฐบาลไม่ออกมาประโคมข่าว ก็เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดความตื่นเต้นหรือวิตกกังวล แต่ยืนยันว่ารัฐ บาลไม่ได้ประมาทและจับตามองทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด และประชาชนก็ควรเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง และทราบมาว่าในช่วงวันที่ 20 ธ.ค. จนถึงปีใหม่เป็นต้นไป เป็นช่วงต้องเฝ้าระวัง เพราะอาจมีการก่อเหตุเหมือนสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ ประกอบกับเป็นช่วงที่รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจมีการเคลื่อนไหวก่อความวุ่นวายได้

"ข่าวดังกล่าวยืนยันว่ามีกลุ่มไม่หวังดีจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นสารตกค้างทางการเมือง ที่ไม่ทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงกระบวน การคนเสื้อแดงมีหลายกลุ่ม ซึ่งแกนนำไม่สามารถควบคุมไปในทางเดียวกันได้ โดยเฉพาะกลุ่มฮาร์ดคอร์ ที่ประกาศต่อสู้กับรัฐบาลทั้งใต้ดินและบนดิน โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำที่หนีคดี และเป็นกลุ่มคนที่น่าจับตามองที่สุด ทั้งนี้อยากเรียกร้องไปยังแกนนำชุดใหม่ให้ควบคุมกลุ่มคนต่างๆ ให้เคลื่อนไหวไปในลักษณะเดียวกัน หากคุมไม่ได้ก็ควรเลิกเคลื่อน ไหว เพื่อให้รัฐบาลสามารถแยกแยะได้ว่าเป็นกลุ่มใดบ้างที่เคลื่อนไหวนอกกฎหมาย" นายเทพไทกล่าว

-ชาติไทยฯหนุนธิดาสายพิราบ

เวลา 11.15 น. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา แถลงว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเห็นด้วยกับแนว คิดการยกเลิกบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑลเพราะมีบทบัญญัติลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน คิดว่าหลังจากยกเลิกแล้ว นายอภิสิทธิ์ต้องเร่งคืนสิทธิที่ประชาชนควรได้ให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ยังกังวลต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นแม้จะมีเครื่องมืออื่นๆ ควบคุมสถานการณ์ เช่น พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แต่ไม่แน่ใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบที่อาจจะเกิดได้หรือไม่

"สถานการณ์ของรัฐบาลและนายกฯตอนนี้ยืนอยู่ท่ามกลางเขาควาย เลือกระหว่างความมั่นคงกับการคืนสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างเต็มที่ในระบอบประชาธิปไตย ต่อไปนี้นายกฯต้องทำ คือการรักษาความสมดุลระหว่างการรักษาความมั่นคงและการคืนเสรีภาพของประชาชน ซึ่งทำได้ยาก เพราะเป็นสิ่งที่ประชา ชนต้องการทั้งสอง อย่างไรก็ตาม หากการยก เลิกพ.ร.ก.เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน เชื่อว่าประชาชนคงไม่ต้องการการแลกกับความไม่สงบที่อาจเกิดขึ้นตามมา นายกฯจึงต้องรักษาความสมดุลให้ดี" นายวัชระ กล่าว

นายวัชระ กล่าวว่า พรรคพอใจกับท่าทีของนายกฯที่มีความยืดหยุ่นและยอมรับฟังความคิดเห็นและพบกับผู้นำภาคประชาชนต่างๆ ซึ่งเป็นท่าทีเชิงบวกโดยเฉพาะการพบกับนางธิดา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ภาพที่ออกมาทำให้มีท่าทีประนี ประนอมมากขึ้น เชื่อว่านางธิดาเป็นสายพิราบ ไม่ใช่สายเหยี่ยว เพราะประชาชนไม่อยากเห็นภาพความรุนแรงและการปิดยึดถนน ซึ่งวันที่ 19 ธ.ค. จะเป็นบทพิสูจน์ของนางธิดา และนปช. ต่อไป

-ตร.ใช้ 7 กองร้อยคุมแดง 19 ธ.ค.

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว รอง ผบช.น. (รับผิดชอบความมั่นคง) พร้อม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้องประชุมเตรียมความพร้อมดูแลการชุมนุมของนปช. บริเวณแยกราชประสงค์ ในวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค.นี้

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า สำหรับกลุ่มประชา ชนที่จะมาร่วมทำกิจกรรมในวันที่ 19 ธ.ค.นั้น ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานเขตปทุมวัน เทศกิจ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อกำหนดจุดดูแลรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงการดูแลทรัพย์สินของประชา ชนที่มาร่วมชุมนุมให้ปลอดภัยด้วย สำหรับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยเบื้องต้นใช้กำลัง 7 กองร้อย โดยแบ่งโซนให้ตำรวจดูแลรับผิดชอบ โดยไม่ให้ผู้ชุมนุมลงมาอยู่บริเวณพื้นผิวการจราจร ทั้งนี้ตำรวจยังได้ประสานกับแกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มนปช.แล้ว โดยมอบหมายพล.ต.ต.วิชัยเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งได้รับความร่วมมือในการจัดกิจ กรรมให้เป็นด้วยความเรียบร้อยตามที่ได้พูดคุยเป็นอย่างดี เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่เกิดเหตุรุนแรง และไม่ยืดเยื้ออย่างแน่นอน โดยเฉพาะ พล.ต.ท. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ได้กำชับให้ตำรวจลงพื้นที่ไปปฏิบัติอย่างใกล้ชิด

-ย้ำปล่อยลูกโป่งแทนโคมลอย

ถามว่าเบื้องต้นมีการประสานแกนนำว่ามีการจัดกิจกรรมเรื่องใดบ้าง พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวว่า เป็นการรวมกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อทำกิจ กรรมรำลึกถึงเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา และอาจมีการทำบุญที่วัดปทุมวนาราม จากนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะทำกิจกรรมกันเล็กน้อย สิ่งที่เป็นห่วงคือเรื่องการจุดโคมลอยสีแดง เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายกับประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงพื้นที่การชุมนุมอาจส่งผลกระทบได้ และยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายเพราะก่อความเดือดร้อนรำคาญ ทางพล.ต.ต.วิชัยก็ได้ประสานเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ชุมนุมเองจะเปลี่ยนจากโคมลอยสีแดงเป็นลูกโป่งสีแดงแทน ซึ่งอาจจะทำได้ในระดับหนึ่ง คาดว่ากิจกรรมจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไป

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ไปประสานกับกลุ่มแกนนำนั้น เรื่องแรกเป็นเรื่องของโคมลอยสีแดงเปลี่ยนเป็นลูกโป่งสีแดงแทน เรื่องที่ 2 คือปฏิบัติตาม

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามปิดการจราจรทางเข้า-ออก รวมถึงเครื่องขยายเสียงห้ามใช้โดยเด็ดขาด ซึ่งทางแกนนำก็ยินยอมทำตาม แต่ทางตำรวจจะมีเครื่องขยายเสียงไว้ควบคุมผู้ชุมนุมเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางที่เรียบร้อย ทางตำรวจจะอนุญาตให้แกนนำใช้เครื่องขยายเสียงของตำรวจได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น คาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะเลิกในเวลา 19.00 น.

พล.ต.ต.กรีรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกำลังที่ใช้ประกอบด้วยกำลังจาก บก.น.1, 4, 5, 6, 7, 8, 9 และอคฝ. และขอให้พี่น้องช่วยกันให้เห็นความรักความสามัคคีไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสีใด ขอให้รวมเป็น 3 สี คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อบ้านเมืองจะได้สงบสุข สำหรับมาตรการป้องกันเหตุป่วนเมืองในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น ทางตำรวจได้ทำการสืบสวนหาข่าวอย่างเต็มที่ รวมถึงสืบสวนหาตัวกลุ่มผู้ไม่หวังดีตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนด้านการข่าวเบื้องต้นก็ยังไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง เพราะคิดว่าพี่น้องคนไทยอยากเห็นคนไทยมีความสุข

-ศาลออกหมายจับ 5 แกนหนีคดี

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายอดิศร เพียงเกษ พ.ต.ท. ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และนายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) ผู้ต้องหาที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายและสนับสนุนการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/2

คดีนี้ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอออกหมายจับ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายอดิศร เพียงเกษ, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์ รัตน์, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายชินวัตร หาบุญพาด, นายอารี ไกรนรา, ว่าที่ร้อยตรีสุรภัศ จันทิมา, นายอรรณพ แซ่ตัน นายศักดา แก้วผูกนาค และนายมงคล สารพัน ผู้ต้องหาที่ 1-11 เนื่องจากรัฐบาลกำลังจะประกาศยกเลิก พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งจะส่งผลให้หมายจับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกยกเลิกด้วย อาจ ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 11 คน

-อีก 6 คนรอขั้นตอนจากอัยการ

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 140-141 เมื่อพนักงานสอบสวนเห็นว่าการสอบสวนเสร็จสิ้น มีความเห็นสั่งฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการพิจารณา ต่อมาอัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา 35 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ต้องหาที่ 1-5 รวมอยู่ด้วย อัยการมีคำสั่งฟ้องและให้พนักงานสอบ สวนจัดการเอาตัวผู้ต้องหาที่ 1-5 มาเพื่อฟ้องศาล ดังนั้น เมื่อพนักงานสอบสวนมาขอหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-5 ต่อศาล ศาลจึงมีคำสั่งออกหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-5 ตามคำขอ และเมื่อดำเนินการตามหมายจับแล้ว ให้พนักงานสอบ สวนดีเอสไอในฐานะผู้ร้องทำบันทึกยื่นต่อศาลภายใน 7 วัน

ส่วนนายชินวัตร หาบุญพาด ผู้ต้องหาที่ 6, ว่าที่ร้อยตรีสุรภัศ จันทิมา ผู้ต้องหาที่ 8 นาย อรรรณพ แซ่ตัน ผู้ต้องหาที่ 9, นายศักดา แก้วผูกนาค ผู้ต้องหาที่ 10 และนายมงคล สารพัน ผู้ต้องหาที่ 11 ศาลเห็นว่า แม้พนักงานสอบ สวนได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องให้อัยการแล้ว แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการว่าจะมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่ กรณียังไม่มีเหตุจำเป็น จึงให้ยกคำร้อง สำหรับนายอารี ไกรนรา ผู้ต้องหาที่ 7 ศาลเห็นว่าขณะนี้คดีอยู่ในชั้นของการสอบสวน กรณีจึงยังไม่มีเหตุตาม ป.วิอาญา ม.66 พยานหลักฐานของผู้ร้องยังไม่เพียงพอ จึงให้ยกคำร้อง

ภายหลัง พ.ต.ท.ถวัล กล่าวว่า ในส่วนของผู้ต้องหาที่ 6, 8-11 ที่ศาลยกคำร้อง เพราะอัยการยังไม่สั่งคดีนั้น หากอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีเมื่อใด ก็จะมาขอหมายจับอีกครั้ง ส่วนผู้ต้องหาที่ 7 ก็จะรวบรวมพยานหลักฐานให้เพียงพอเพื่อขอหมายจับอีกครั้ง

-ธิดารุดคุก-ร่ำไห้ต่อหน้าสื่อ

เมื่อเวลา 17.30 น. ที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสํานักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายในคดีอาญา ได้เดินทางออกมาจากเรือนจํา ภายหลังเข้าพบแกนนํานปช.นานกว่า 2 ชั่วโมง จากนั้นได้เข้า หารือกับนางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. บริเวณชั้น 2 มีนายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ. เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ร่วมหารือด้วยนานกว่า 30 นาที

นางสุวณา กล่าวว่า จากการเข้าพบกับแกนนำนปช.และแนวร่วมรวม 19 รายในวันนี้ พบว่าในจํานวนดังกล่าวมี 11 ราย ต้องการให้กรมช่วยเหลือในการจัดหาทนายความให้ รวมทั้งเรื่องเงินค่าประกันตัว ส่วนแกนนํา 8 ราย ไม่ได้ยื่นเรื่องขอทนายและเงินประกัน คาดว่าน่าจะมีพร้อมหมดแล้ว โดยในวันที่ 21 ธ.ค. เวลา 13.00 น. ตนได้เชิญนางธิดาพร้อมทีมทนาย ความของเขาให้มาร่วมประชุมหารือกันที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ในการยื่นประกันตัวแกนนํา และแนวร่วมทั้ง 19 รายนี้ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันนางธิดาได้เดินลงมาข้างล่างพร้อมยืนให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการยื่นประกันตัวน.พ.เหวง โตจิราการ สามี และแกนนําคนอื่นๆ ปรากฏว่า นางธิดาร้องไห้ออกมาต่อหน้าสื่อมวลชน หลังจากถูกถามว่า จะยื่นประกันตัวหมอเหวงและแกนนําคนอื่นๆ ออกมาทันเลี้ยงฉลองปีใหม่หรือไม่

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์