“กรณ์”เล็งเสนอต่อายุมาตรการลดค่าครองชีพ เตรียมเสนอเข้าครม.อังคารหน้า
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ครม.พิจารณาต่ออายุมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน ทั้งค่าโดยสารรถประจำทาง รถไฟรวมถึงค่าไฟฟ้าออกไปอีก 1-2 เดือน จากที่จะสิ้นสุดในเดือนธ.ค.นี้ โดยขณะนี้ต้องรอดูอยู่ว่าจะต่ออายุออกไปถึงเดือนม.ค.หรือ ก.พ. 54 หรือว่าอาจจะให้หมดอายุพร้อมกับก๊าซแอลพีจี ที่จะครบกำหนดสิ้นเดือนก.พ. 54 เพื่อรอข้อสรุปของโครงการปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะแถลงต้นเดือนม.ค. 54 ซึ่งรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพของประชาชนออกมา
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนของ ประชาชนใน 3 ด้าน
ได้แก่ การลดค่าครองชีพ ,การดูแลเศรษฐกิจนอกระบบ และการดูแล ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งตลอด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่จาก 30 หน่วยงาน ทั้งภาค รัฐและเอกชนมาทำงานร่วมกัน จัดทำมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว และจะปิดศูนย์ ปฏิบัติการในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ หลังจากนั้น จะนำข้อสรุปที่ได้จากศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าว เสนอให้นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจ และจะประกาศเป็นมาตรการในช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่
สำหรับประเด็นการลดค่าครองชีพนั้น จะแบ่งเป็นในส่วนอาหาร ซึ่งจะเน้นไปที่ โครงสร้างราคาของไข่ หมู และไก่ รวมไปถึงเรื่องพลังงาน อย่างแอลพีจี และค่าไฟฟ้า
นอกจากนั้น จะยังเพิ่มในเรื่องราคาสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ให้สามารถขายได้ตามราคา หน้าสลากที่ 80 บาทด้วย ส่วนประเด็นการดูแลเศรษฐกิจนอกระบบนั้น จะเน้นประเด็นที่มีผลต่อประชาชนซึ่ง อยู่นอกระบบแรงงาน เช่น กลุ่มหาบเร่แผงลอย,กลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และแท็กซี่ อาทิ การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ การเข้าสู่ระบบประกันสังคม รวมถึงการแก้ปัญหาการเก็บส่วย นอกระบบ ส่วนกรณีสุดท้าย เป็นการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
“หลังจากปิดศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว จะนำข้อเสนอทั้งหมดไปกลั่นกรองและตรวจสอบว่า สามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่ และมีเครื่องมือ ชี้วัดผลสำเร็จอย่างไร ก่อนจะให้นายกรัฐมนตรีสรุปเพื่อแถลงออกมาเป็นมาตรการต่อไป”นายกรณ์ กล่าวและว่า ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ นายกรัฐมนตรีจะประกาศมาตรการโครงการคลังในบ้าน ซึ่งเป็นการต่อยอดของกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งรัฐบาลจะเพิ่มเงินให้กับกองทุนหมู่บ้าน โดย ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)และธนาคารออมสิน โดยให้คณะกรรมการแต่ละกองทุนบริหารกันเอง และมีเงื่อนไขว่า การกู้ยืมเงินของสมาชิกนั้น ต้องเป็นไปเพื่อรองรับการ สร้างอาชีพ หรือชำระหนี้นอกระบบ