วานนี้( 15 ธ.ค.)ที่อาคารศรีรัศมิ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน สมาคมรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ร่วมกับชุมนุมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกันแถลงข่าวตั้งฉายาองค์กรทางการเมือง ประกอบด้วย รัฐบาล ได้รับฉายาว่า “เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว” เนื่องจากเส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว ไม่ได้ประกอบด้วยแค่เส้นใหญ่สีขาว และซีอิ๊วสีดำเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องประกอบไปด้วยผักคะน้า “สีเขียว” และ ไข่ไก่ “สีเหลือง” เช่นเดียวกับที่รัฐบาลชุดนี้ ที่ต้องการแบ็คอัพคือกองทัพ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ตุลาการ ได้รับฉายาว่า “ไม้บรรทัดคู่สู้สิบทิศ” เนื่องจากมาตรฐานในอุดมคติของสถาบันตุลาการทั่วโลก ย่อมเปรียบได้กับไม้บรรทัดที่มีความเที่ยงตรงแน่นอน แต่ที่ผ่านมาสังคมไทยกลับเกิดข้อสงสัยว่ามาตรฐานหรือไม้บรรทัดของตุลาการไทย อาจจะไม่ได้มีเพียง 1 อัน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการตัดสินคดียุบพรรคการเมืองของตุลาการ เพราะนอกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ก็เห็นจะยังไม่เคยมีพรรคหนึ่งพรรคใดรอดพ้นจากคำตัดสินของตุลาการ
รัฐสภา ได้รับฉายาว่า “สภามวยโลก” เพราะสมาชิกรัฐสภาใช้รัฐสภาเป็นสถานที่ทะเลาะเบาะแว้ง โดยมุ่งหมายเพียงเอาชนะคะคานด้วยคำพูดที่หยาบคาย ใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกาย ตลอดจนขว้างปารองเท้าใส่กัน อันเป็นพฤติกรรมที่วิจารณญาณของวิญญูชนทั่วไปเห็นว่าไม่เหมาะสม สะท้อนให้เห็นถึงความไร้อารยธรรมของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ และเป็นตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมต่อประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงเยาวชนด้วย
ในส่วนของพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับฉายาว่า “อิเหนาหุ้มเกราะ” เนื่องจากสำนวน “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”
ทำให้การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อครั้งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ด้วยการโจมตีพรรคฝ่ายรัฐบาลอย่างรุนแรง นับตั้งแต่การใช้นโยบายประชานิยมซื้อใจประชาชน การทุจริตคอรัปชั่น ตลอดจนการตัดสินใจดำเนินการต่างๆ ต่อผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาล หากแต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป พรรคประชาธิปัตย์สามารถ จัดตั้งรัฐบาลผสมได้ กลับกลายเป็นพรรคการเมืองที่เลือกจะใช้นโยบายประชานิยมชนิดตัวพ่อ
ตั้งฉายารัฐบาลมาร์ค“เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว”
พรรคภูมิใจไทย ได้รับฉายาว่า “ห้อยเนรวิน” เนื่องจากเมื่อนึกถึงพรรคภูมิใจไทยประชาชนจำนวนมาก นึกถึงหน้าของนายเนวิน ชิดชอบ ลอยมาก่อนหน้าของหัวหน้าพรรค
อย่าง นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล เสียอีก และทันทีที่พูดถึงนายเนวิน ปากห้อยๆ อาจจะก็ลอยมาก่อนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ คำว่า เนรวิน ที่มี “ร” ที่แทรกอยู่นั้น มาจากชื่อของคุณกรุณา ชิดชอบ ภรรยาของนายเนวิน ซึ่งถือว่าผู้มากบารมีคนสำคัญอันดับ 2 ของพรรคภูมิใจไทย
พรรคเพื่อไทย ได้รับฉายาว่า “พรรคเพื่อใคร” เพราะนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทยผลักดัน และนำมาหาเสียงจากประชาชนคือการนำพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย
สำหรับองค์กรอิสระ ได้รับฉายาว่า “สากกะเบือดิน”
เนื่องจากในปี 2553 ที่ผ่านมา องค์กรอิสระได้แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการปฏิบัติงานตรวจสอบอำนาจรัฐโดยสิ้นเชิง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงได้ สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีความผิดพลาดในการดำเนินการกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ทำให้สังคมเกิดความไม่ไว้วางใจกกต. ทำให้ยากที่จะยอมรับการทำงานของอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาได้ ขณะที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ก็เช่นเดียวกัน เพราะในช่วงแรกก็ปึงปังประมูลโครงการ 3จี สร้างความหวังให้ประชาชนว่าจะได้ใช้บริการในเร็ววัน แต่สุดท้ายก็เช่นเดียวกับ กกต.. คือ 3จี ถูกระงับ เพราะปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมาย
สำหรับกองทัพ ได้รับฉายาว่า “ทัพไทยหมื่นล้านประสานงานปราบม็อบ” เพราะกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบก สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จนกระทั่ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา ผลงานที่โดดเด่นที่สุดเพียงเรื่องเดียวคือ การเป็นเกราะคุ้มครองรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับฉายาว่า “สำนักงานตำรวจขูดรีด (สตข.)”
เนื่องจากสตช. มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงในการดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมถึงให้บริการต่างๆ แก่ประชาชน หากแต่ในทางปฏิบัติยังมีตำรวจอีกเป็นจำนวนมากที่นอกจากจะไม่ใส่ใจในหน้าที่ กลับมุ่งมั่นสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ การรีดไถ การตั้งด่านลอย การค้ามนุษย์ รวมถึงการเรียกรับผลประโยชน์ต่างๆ นำมาสู่การวิ่งเต้นโยกย้ายเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง.