กกต.ชงตัดสิทธิ กก.บห.พรรคที่ถูกยุบ!!!

นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. แถลงถึงกรณีที่ตุลาการรัฐธรรมนูญเริ่มกระบวนการพิจารณาคดียุบ 5 พรรคการเมืองว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อขอให้ส่งคำขอเพิ่ม เติมต่อตุลาการรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 กำหนดให้พรรคการเมืองที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค เพราะเหตุกระทำการต้องห้ามตาม พ.ร.บ. พรรคการเมือง ให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี เนื่องจากนายทะเบียนพรรค การเมืองได้ส่งคำขอยุบพรรคการเมืองทั้ง 5 พรรคไปถึงอัยการสูงสุดก่อนที่จะมีประกาศ คปค.ฉบับดังกล่าว จึงเห็นว่าหากไม่ส่งเรื่องไปเพิ่มเติม ตุลาการรัฐธรรมนูญอาจจะไม่พิจารณาให้

นายอภิชาตกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากมีประกาศ คปค.ฉบับดังกล่าว กกต.ได้เสนอตุลาการรัฐธรรมนูญให้พิจารณาสั่งยุบ 6 พรรคการเมืองคือ พรรครวมพลังไทย พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคธัมมาธิปไตย พรรครักษ์แผ่นดินไทย พรรคไทยช่วยไทย และ พรรคพลังธรรม เนื่องจากไม่ดำเนินการตาม พ.ร.บ.พรรค การเมืองมาตรา 29, 35, 62 ไม่สามารถหาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คนภายใน 180 วัน นับแต่วันขอจดจัดตั้ง พรรค ไม่รายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี ปฏิทินตามความเป็นจริง รายงานการใช้จ่ายเงินสนับสนุนพรรคในรอบปีปฏิทินไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่ง กกต.เตรียมทำหนังสือไปถึงตุลาการรัฐธรรมนูญขอให้ พิจารณาเพิ่มเติมในประเด็นการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกนายทะเบียนขอให้พิจารณายุบพรรค เพราะเห็นว่าตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ไม่ได้มีกำหนดให้ยกเว้นห้ามใช้บังคับกับกรณีการยุบพรรคด้วยเหตุอื่น

ด้านนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต. กล่าวว่า กกต.มีหนังสือดังกล่าวไปถึงอัยการสูงสุดเท่านั้น ไม่ได้มีความเห็นใดประกอบไป เพราะการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ใช่โทษทางอาญา ประกอบกับในขณะนี้มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันของนักกฎหมายว่า การกระทำของทั้ง 5 พรรคการเมืองที่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเกิดขึ้นก่อนมีประกาศ คปค. ดังนั้น โทษที่ คปค.กำหนดไว้ในประกาศฉบับที่ 27 จะมีผลย้อนหลังใช้บังคับได้หรือไม่ ตรงนี้ถือว่าเป็นดุลพินิจของตุลาการรัฐธรรมนูญที่หากมีคำสั่งยุบ 5 พรรคการเมือง จะต้องพิจารณาว่าจะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วยหรือไม่

พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ คนใกล้ชิด พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีน้องๆที่เป็นอดีตนายทหารไปเข้าพบ พล.อ. ชวลิตเพื่อพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง พล.อ.ชวลิตจึงได้ขอให้พวกตนช่วยถ่ายทอดความรู้สึกของท่านว่าการที่สังคมมีความขัดแย้งถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่การแก้ไขปัญหาควรยึดแนวทางที่สันติ ไม่ใช่การทำลายล้าง และ เป็นห่วงว่าคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยกับการกระทำผิดจะถูกพิพากษาไปด้วย โดยเฉพาะกรณีการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.ชวลิตกังวลว่าอาจถึงขั้นถูกยุบพรรคเนื่องจากมีคำสั่งของ คปค.ออกมาล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว หากเป็นไปตามที่คาดเดา เกรงว่าจะมีการปฏิวัติจากประชาชนได้ เพราะคนที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์หลายล้านคนอาจแสดงความไม่พอใจคำตัดสิน จะก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาอีก ดังนั้น อยากให้พิจารณาลงโทษหัวหน้าพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคที่กระทำความผิดเท่านั้น ไม่ ควรพิพากษายุบพรรค เพราะเหมือนเป็นการกระทำที่ได้คืบเอาศอก ไม่ได้สร้างความสมานฉันท์ แต่กลับยิ่งสร้างความแตกแยก