ทรทจี้...ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับ 27...!!!

นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ที่ห้ามไม่ให้ พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแก้ไข หรือยกเลิกประกาศดังกล่าว ส่งผลให้พรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ทั้งที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เคยเชิญพรรคการเมืองต่างๆไปแสดงความเห็นเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งมีการยกเลิกกฎอัยการศึกในหลายจังหวัด แต่ประกาศ คปค.ฉบับดังกล่าวยังไม่ถูกยกเลิก ความจริงในระบอบประชาธิปไตย พรรคการเมืองต้องมีบทบาทในการติดตามการทำงานของรัฐบาล แต่ผู้มีอำนาจ หรือมีผู้ที่เกี่ยวข้องอาจขาดความเข้าใจในหลักการนี้ ดังนั้น พรรคไทยรักไทยจะทำหนังสือถึง กกต. หรืออาจส่งตัวแทนไปพบ กกต. เพื่อให้เป็นเจ้าภาพเชิญพรรค การเมืองมารับฟังความคิดเห็นในเรื่องนี้ หวังว่า กกต.จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้ยกเลิกประกาศ คปค.ฉบับที่ 27 ต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวกองทัพเตรียมผลักดันกฎหมายความมั่นคงใหม่ โดยเพิ่มบุคลากรรองรับโครงสร้างใหม่ถึง 6 หมื่นคน เพื่อดูแลให้ครบทุกจังหวัด นายจาตุรนต์ตอบว่า น่าเป็นห่วง เพราะดูเหมือนว่ากำลังเน้นเรื่องความมั่นคงเป็นพิเศษ รวมถึงกรณีก่อนหน้าที่มีการตั้งแกนนำ คมช.ไปเป็นประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคง วันนี้ประเทศต้องการพัฒนาด้านการศึกษา สาธารณสุขและเศรษฐกิจ อันเป็นความมั่นคงที่แท้จริงของประเทศ จึงรู้สึกว่าหลังการยึดอำนาจรัฐ สถานการณ์เหมือนกับว่าประเทศกำลังสู้รบทำสงครามกับใครอยู่ ถึงได้มาเน้นเรื่องความมั่นคง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่น่าเป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศ ส่วนกรณีกระแสข่าวจะมีคลื่นใต้น้ำมารวมพลที่สนามหลวงในวันที่ 10 ธ.ค.นั้น ยืนยันว่าพรรคไทยรักไทยไม่เกี่ยว และไม่รู้ว่าคลื่นใต้น้ำคืออะไรกันแน่

ส่วนกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธาน คมช. ระบุว่า อยากร้องไห้ที่ประเทศชาติแทบจะเหลือแต่กระดูก หลังรับฟัง คตส.ชี้แจงข้อมูลการตรวจสอบทุจริตโครงการต่างๆในสมัยรัฐบาลก่อนนั้น นายจาตุรนต์กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข้อมูลที่ พล.อ.สนธิได้รับเป็นอย่างไร จึงไม่สามารถแสดงความเห็นได้ แต่หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาจริงๆ ต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ สังคมถึงจะพอใจ และจะเป็นการพิสูจน์ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงมากน้อยเพียงใดหรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่องค์กรต่างๆและ คมช. ควรทำคือหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ และชี้แจงให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องที่กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมทั้งในแง่ของกระบวนการ วิธีการ ขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้เกิดการทุจริตต่อจากนี้ไปด้วย ไม่ใช่ว่าจากนี้ไปจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีการตรวจสอบ

น.ต.ศิธา ทิวารี รักษาการโฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า การฟังข้อมูลจาก คตส.อาจทำให้ พล.อ.สนธิอยากจะร้องไห้ แต่หากได้ฟังข้อมูลทุจริตจากองค์กรเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) แล้ว อาจถึงขั้นต้องปล่อยโฮ เพราะความเสียหายที่นักการเมืองสมัยก่อนทำไว้มากกว่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนับร้อยเท่าพันเท่า คำพูดของ พล.อ.สนธิเป็นเพียงโจทย์กล่าวหาเก่าที่เคยใช้เป็นเหตุผลในการรัฐประหารว่ามีการทุจริตในรัฐบาลที่ผ่านมา และประชาชนก็ใจจดใจจ่อเฝ้ารอดูการตรวจสอบของ คตส.ว่าโครงการใดมีความผิด แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ดังนั้น คำพูดของ พล.อ.สนธิจึงเป็นเพียงการช่วยยื้อเวลาให้กับ คตส.เท่านั้น ทางที่ดีควรไปกำชับ คตส.ให้เร่งตรวจสอบโครงการต่างๆ แล้วส่งต่อให้กับกระบวนการยุติธรรมดีกว่า