ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการขึ้นเงินเดือนให้กับ ส.ส.และส.ว.ร้อยละ 14.7-14.9 ว่า
หากจะขึ้นเงินเดือนให้กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากหลักแสนเป็นหลักล้านตนเห็นด้วย โดยเห็นว่าเงินเดือนของผู้บริหารที่เป็นนายกฯและรัฐมนตรีอีก 35 คน ควรต้องเพิ่มได้แล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาเงินเดือนของผู้บริหารเหล่านี้ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง แต่จะต้องมีหลักการตรวจสอบการทุจริตที่ชัดเจนเด็ดขาดมากกว่านี้ด้วย แต่พอขึ้นเงินเดือนให้คนจะถามอีกว่ายิ่งเพิ่มสูงเท่าไร การโกงจะยิ่งสูงขึ้นตามมา สังคมก็ต้องตามตรวจสอบกัน
นายสมชายกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากจะขึ้นเงินเดือนให้กับ ส.ส.และส.ว.ที่ไม่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี คงไม่เหมาะ เพราะจากการทำงานที่ผ่านมาของ ส.ส.และส.ว.หลายสมัย ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องพูดถึงองค์ประชุมไม่ครบ การเล่นเทคนิคของนักการเมืองโดยฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมประชุม บางคนมาเซ็นชื่อแล้วกลับไม่อยู่รอลงมติ และที่ติดตามมี ส.ส. 7-8 คน ไม่เคยมาประชุมที่สภาเลยก็มี
"การขึ้นเงินเดือนของเอกชน เขาจะพิจารณาการทำงานของพนักงานว่ามีผลงานแค่ไหน ทำงานเป็นอย่างไร แต่พวก ส.ส.และส.ว.ไม่เห็นว่าจะทำงานมีประสิทธิภาพ ผลงานในการออกกฎหมายก็น้อยมาก กฎหมายตกค้างในสภาเยอะมาก จนเราไม่มีกฎหมายที่ดีออกมาใช้ ผลงานในคณะกรรมาธิการก็ไม่ชัดเจน และไหนจะเรื่องการตรวจสอบในฐานะฝ่ายค้านก็ยังไม่มีการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ" นายสมชายกล่าว และว่า สภามีคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ที่สามารถรวบรวมการมาประชุมของ ส.ส.ในสภา การโหวต การลงมติในข้อกฎหมายต่างๆ ส.ส.แต่ละคนเข้าร่วมการประชุมกี่ครั้ง ประชาชนเข้าไปดูในเว็บไซต์สภาได้เลย จึงเห็นว่าส.ส.คนใดที่เข้าประชุมในสภาไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ จะไม่ให้เงินเดือน และถ้าใครไม่เข้าประชุมสภานานถึง 3 เดือน ก็ถอดถอนเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ยังไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากองค์ประชุมในคณะกรรมการไม่ครบ เพราะไม่มีผู้นำฝ่ายค้านในสภา