อริสมันต์ สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ เผยกำลังศึกษาปวศ.ปฏิวัติ ย้ำไม่หวังติดอาวุธ เสื้อแดง

หมายเหตุ เว็บไซต์เอเชี่ยนคอร์เรสพอนเดนท์ดอทคอม (www.asiancorrespondent.com) ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ "นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" แกนนำสำคัญของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งกำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในต่างประเทศ โดย นายแอนดรูว์ สปูนเนอร์ พร้อมทั้งระบุว่าจะเผยแพร่บทสัมภาษณ์ดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 2 ตอน มติชนออนไลน์เห็นว่าบทสัมภาษณ์ตอนแรกมีเนื้อหาน่าสนใจ จึงขออนุญาตแปลเนื้อหาบางส่วนมาเผยแพร่ดังนี้


- สภาพความเป็นอยู่ของคุณในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?


สภาพความเป็นอยู่ของผมค่อนข้างสะดวกสบาย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ผมจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางการเมือง เพราะผมไม่ต้องการสร้างปัญหาให้แก่ประเทศที่ตัวเองกำลังใช้เป็นที่พำนักอาศัย ผมยังสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองบางประการได้ แต่ก็มีข้อจำกัดมาก นอกจากนี้ ผมยังต้องเปลี่ยนแปลงที่พักของตัวเองอยู่บ่อยครั้ง


- สุขภาพกายและใจของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?


สุขภาพกายของผมตอนนี้ดีมาก หลังจากที่น้ำหนักลดลงไป 5 กิโลกรัม ผมรู้สึกแข็งแรง เพราะได้มีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น ส่วนสุขภาพใจนั้น ถือว่าไม่ดีหากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ผมกำลังใช้เวลาบางส่วนให้หมดไปกับการอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ว่าด้วยการปฏิวัติของประเทศต่างๆ ทั่วโลก


- คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์การปฏิวัติเหล่านั้นบ้าง?


การปฏิวัติแต่ละเหตุการณ์สอนเราว่า กว่าจะไปถึงซึ่งประชาธิปไตย เราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ในกรณีของประเทศไทย ปัญหาดังกล่าวก็คือสถาบันอำมาตย์ และขอย้ำให้ชัดเจนว่า ผมไม่ได้หมายความถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อำมาตย์เป็นผู้ยึดกุมอำนาจ ดังนั้น ถ้าต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงหวนกลับมา เราก็จำเป็นต้องขจัดคนกลุ่มนี้ออกไป


เราต้องการรัฐธรรมนูญที่สะท้อนถึงความปรารถนาของประชาชน รวมทั้งระบบที่ผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง ระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใดสามารถทำการเปลี่ยนแปลงบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ถ้าเรามีนายกรัฐมนตรีมาจากการแต่งตั้ง ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ก็สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะขัดแย้งกับความปรารถนาของประชาชนก็ตาม


- ในระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์ คุณได้ขึ้นปราศรัยขู่ว่าจะเผาเมือง คุณรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตนเองกล่าวออกไปหรือไม่?


จุดประสงค์ในคำปราศรัยดังกล่าวของผม คือ การพยายามปรามทหารไม่ให้ล้อมปราบเรา หรือ ทำรัฐประหาร ถ้ามีรัฐประหารเกิดขึ้น ผมก็ต้องการเตือนกองทัพว่า ประชาชนจะสู้กลับโดยการใช้น้ำมันเข้าต่อกรกับอาวุธหนักของทหาร ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจะไม่สามารถเข่นฆ่าเราได้ ผมไม่รู้สึกเสียใจกับคำปราศรัยของตัวเอง เนื่องจากผมไม่ได้ปลุกระดมให้ประชาชนเผาเมืองอย่างไร้เหตุผล แต่การกระทำดังกล่าวจะถือเป็นการปกป้องตนเองของคนเสื้อแดงที่ปราศจากอาวุธ


- อยากให้คุณบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ "กลุ่มคนเสื้อดำ" ให้เราฟังหน่อย?


จริงๆ แล้ว ผมไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนเสื้อดำ ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใครและมาจากไหน ผมเชื่อ (แม้ไม่อาจยืนยันได้อย่างแน่นอน) ว่า พวกเขาอาจเป็นทหารหรือตำรวจที่สนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของเรา ผมไม่คิดว่าทหารและตำรวจทุกนายจะรับได้กับการกระทำของรัฐบาล ซึ่งปราบปรามกลุ่มพลเมืองไร้อาวุธ มาจนถึงตอนนี้ รัฐบาลก็ยังไม่สามารถจับกุมคนเสื้อดำได้ ผมก็อยากรู้ข้อเท็จจริงเหมือนกันว่า พวกเขาเป็นใคร


- คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับบทบาทของเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล)?


เขาคือนายทหารที่ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อความรักในประชาธิปไตย และเป็นคนที่มีความห่วงใยอย่างสูงกับความปลอดภัยของกลุ่มคนเสื้อแดง เขาไม่มีเจตนาที่จะก่อความรุนแรงต่อทหารหรือตำรวจนายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม มีนายทหารระดับสูงบางคนที่ต้องการฉายภาพให้เสธ.แดง และ กลุ่มคนเสื้อแดง เป็นผู้ก่อการร้าย ผมขอยืนยันซ้ำอีกครั้งว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ชอบความรุนแรง


- คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและการเมืองไทย จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยความรุนแรงหรือไม่?


ปัจจุบันนี้ รัฐบาลได้ใช้ความรุนแรงกับประชาชน ดังนั้น ในวันหนึ่งข้างหน้า ประชาชนก็จะใช้ความรุนแรงต่อต้านรัฐบาล ผมเชื่อในทฤษฎีที่ว่า ไม่มีสังคมใดที่จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยสันติวิธีอย่างสมบูรณ์ วิถีทางดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนบนโลกใบนี้  ดังนั้น ถ้าพวกเราไม่มีอาวุธ เราก็จะแพ้ เพราะไม่สามารถต่อสู้กลับไปได้ แท้จริงแล้ว กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายผู้อื่น พวกเราต้องการเรียกร้องแค่การเลือกตั้งครั้งใหม่และการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกลไกของรัฐสภา เราต้องการเพียงแค่การแสดงความเคารพต่อผลการเลือกตั้งของประชาชน


- คุณได้แนะนำให้กลุ่มคนเสื้อแดงหันมาใช้กลยุทธ์การติดอาวุธต่อสู้?


ผมเรียกร้องให้ทหารและตำรวจที่เคารพรักในระบอบประชาธิปไตยเข้ามาร่วมต่อสู้กับเรามากกว่า แม้ว่าพวกเราจะมีมวลชนหนุนหลัง แต่เราก็ไม่มีกองกำลังติดอาวุธไว้ต่อกรกับกองทัพ เราไม่เคยมีกองกำลังติดอาวุธแม้เพียงหน่วยเดียว และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมี ในมุมมองของผม มันคงเป็นเรื่องดีมากหากเรามีกองกำลังแบบกองโจร แต่เราก็ไม่รู้ว่ากองกำลังดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้อย่างไร เนื่องจากเราไม่มีเงินทุนสนับสนุนในการซื้ออาวุธและฝึกฝนการใช้อาวุธให้แก่คนของเรา ความหวังหลักของเราจึงอยู่ที่การลุกขึ้นต่อต้านอำนาจรัฐโดยทหารและตำรวจ


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์