นายจตุพร พร้อมทนายความ ได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาล โดยกล่าวว่า พร้อมจะถูกคุมขัง ไม่มีเจตนาหลบเลี่ยง
วันนี้แต่งตัวไว้พร้อมแล้ว แต่เพราะได้ยื่นหนังสือค้านผู้พิพากษาองค์คณะ ในคดีนี้อยู่ เพราะเห็นว่า 1 ในองค์คณะ เคยเชิญนายกฯ ไปในงานแต่งลูกตัวเอง จึงถือเป็นปฏิปักษ์ชัดเจน เพราะได้มานั่งพิจารณาคดีนี้ จริง ๆ แล้ว เมื่อทราบเหตุผลผู้พิพากษาไม่ควรมาพิจารณาคดีตนแต่แรก และขอยืนยันว่าส่วนตัวจะไม่ขึ้นเบิกความคดีนี้อีกต่อไป และพร้อมจะรอฟังคำพิพากษา โดยไม่ขอเบิกความอีก ส่วนถ้าหากตนจะถูกถอนประกันและต้องถูกคุมขังก็พร้อมถูกขัง และเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. ในวันที่ 10 ธ.ค. นี้ เพราะประชาชนคนเสื้อแดงยังคงต่อสู้กันไปได้
ด้าน นายเกริกฤทธิ์ อิฐรัตน์ เลขานุการศาลอาญา กล่าวว่า การที่นายจตุพร ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนี้
เนื่องจากยังไม่เข้าใจขั้นตอนการจ่ายสำนวนของศาลอาญา ขอยืนยันว่าการที่นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา จ่ายสำนวนคดีที่นี้ไปยังผู้พิพากษาท่านที่ถูกนายจตุพร กล่าวหา เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ เห็นควรให้ผู้พิพากษาอาวุโสรับผิดชอบ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของศาลอาญา ต้องทำความเข้าใจให้นายจตุพร ทราบ
หลังจากนั้นนายจตุพร ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
นอกจากนี้นายจตุพร ยังอ้างด้วยว่า ได้ยื่นหนังสือถึงนายสบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกา เพื่อขอเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา และร้องขอความธรรมต่อศาลฎีกาด้วย ซึ่งขณะนี้รอฟังคำสั่ง ประกอบกับคดีนี้จำเลยไม่มีพยานบุคคลอื่นใด เพราะศาลมีคำสั่งไม่รับบัญชีระบุพยาน และไม่อนุญาตอ้างพยานบุคคลอื่นใดอีก การที่จำเลยไม่มีพยานอื่นใดมาศาลและตัวจำเลยไม่ได้มาศาล ก็ไม่มีเจตนาที่จะประวิงคดี นอกจากนี้ศาลยังมีการนัดสืบพยานจำเลยที่นัดไว้ก่อนล้วงหน้า จำเลยจึงไม่มีเจตนาหน่วงเหนี่ยวประวิงเวลา จึงขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ และอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักทรัพย์ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนั้นนายจตุพร และทนายความ ยังคงนั่งรอที่ห้องรับรอง ซึ่งได้ประสานเลขานุการศาลอาญา ขอเข้าพบอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีที่ได้ยื่นหนังสือร้องขอเปลี่ยนตัวองค์คณะผู้พิพากษาในคดีดังกล่าวด้วย.