“มาร์ค”ข้องใจ“เอไอเอส”โวยรัฐอืดดัน 3จี

“นายกฯ อภิสิทธิ์” โต้เอไอเอส-ดีแทค โวยรัฐอืดดัน 3จี ยันไม่เลือกปฏิบัติ แจงเป็นอำนาจของ กทช. ซัด “เอไอเอส” ไม่เคยทำหนังสือร้อง


เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่ท่าอากาศยานกรมการขนส่งทหารบก (ขสทบ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการเดินทางไปร่วมพิธีเปิดเขื่อนไฟฟ้าน้ำเทิน 2 แขวงคำม่วน ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ถึงกรณีที่ผู้บริหารของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(เอไอเอส) และ บมจ.โทเทิล แอ็กเซส คอมมิวนิเคชั่น (ดีแทค) เรียกร้องขอความเป็นธรรมจากรัฐบาล ในเรื่องการเปิดประมูลใบอนุญาต 3จี ว่า เรื่องนี้ มีสิ่งที่ปนกันอยู่หลายเรื่อง จึงต้องพูด เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน คือ 1.การประมูล 3จี และการทำตามกฎหมาย ทุกบริษัททราบอยู่แล้วว่า ไม่ใช่อำนาจของรัฐบาล แต่การที่จะมีอำนาจมากน้อยแค่ไหนในการดำเนินการของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ก็เป็นการวินิจฉัยของศาลปกครอง ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล เพราะเมื่อรัฐบาลเห็นปัญหาก็ได้เร่งผลัดกดัน พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ซึ่งขณะนี้ ก็ผ่านรัฐสภาแล้ว นอกจากนี้ ยังเตรียมตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสทช.)

“ผมไม่เข้าใจว่า ผู้บริหารเอไอเอสมีเจตนาอะไรที่มากล่าวหารัฐบาลในเรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะมีปัญหาความขัดแย้งเดิมหรือเปล่าในสัญญาที่ถูกตรวจสอบ โดยคณะกรรมการชุดต่าง ๆ และมีเรื่องของสัญญาที่อาจไปเอื้อประโยชน์กันในอดีตแล้วต้องมีการดำเนินการ เพราะรัฐบาลได้แสดงจุดยืนชัดเจนในการผลักดันเร่งรัดตามอำนาจหน้าที่ของรัฐบาล ส่วนที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของรัฐบาล ผู้บริหารเอไอเอสทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องที่จะมากดดันรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า 2.ปัญหาความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นในเรื่องของการอนุญาต ตนได้รับหนังสือร้องเรียนจากดีแทค

แต่ไม่เคยได้รับหนังสือจากเอไอเอส ซึ่งการที่เอไอเอสบอกว่าร้องเรียนกับตนแล้ว ตนไม่ทำอะไรนั้น ก็ไม่ทราบว่าเขามีเจตนาใด ส่วนกรณีของดีแทคนั้น เมื่อหนังสือมาถึงตน ก็ได้ส่งหนังสือต่อไปยังกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่ง นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ได้รายงานมาเบื้องต้น และยืนยันว่า เขาไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่ถ้ามีข้อข้องใจก็สามารถสอบถามกันได้

เมื่อถามว่า ผู้บริหารเอไอเอสใช้เรื่องนี้ มากดดันรัฐบาล เพื่อไม่ให้ไปรื้อสัญญาสัมปทานใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าเขามีเจตนาใด แต่แปลกใจว่าที่เขากล่าวหารัฐบาลนั้น ไม่มีเหตุผล

เมื่อถามต่อว่า ทั้ง 2 บริษัท ระบุว่า มีบริษัทหนึ่งที่เป็นคู่แข่ง มีความสัมพันธ์กับคนในรัฐบาล จึงได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลเหนือกว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นเขาก็อ้างมา และตนให้กระทรวงไอซีทีชี้แจงแล้ว

ต่อข้อถามว่า รัฐบาลได้ทำอะไรในการวางกติกาให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานที่กำกับดูแลคือ กทช.

ส่วนปัญหากรณีสัมปทาน มีอำนาจอยู่ที่ กสท.กับทีโอที แต่สิ่งที่เราพยายามผลักดันคือ การทำอย่างไรให้การกำกับดูแลเข้ามาสู่กติกาเดียวกันทั้งหมด ซึ่งเป็นนโยบายที่ชัดเจนมาก และอยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงการคลัง และไอซีที

เมื่อถามว่า การจับมือกันของบริษัทเอกชนรายใหญ่ จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลในการดูแลธุรกิจหรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่า พร้อมให้ความเป็นธรรม และที่ผ่านมา ทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม เมื่อเกิดปัญหาก็มีช่องทางเสนอผ่านคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) โดยมีช่องทางในการปรึกษาหารือกันตลอด
                
เมื่อถามว่า สิ่งที่ 2 บริษัท ทำในวันนี้ กดดันรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กดดันอะไรไม่ได้ เพราะตนมีหน้าที่ดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกา และยินดีที่จะให้ความเป็นธรรม แต่ตนข้องใจการกล่าวหา ซึ่งไม่ถูกต้อง.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์