กลุ่มเสื้อหลากสี ยันไม่ร่วมกลุ่มพันธมิตรฯหากชุมนุม ด้านอดีตหน.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชี้ไทยยังทะเลาะกัน
วันนี้ 8 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน หรือ กลุ่มเสื้อหลากสี จัดการเสวนาในหัวข้อ"เสื้อสีอะไรเป็นทางออกของประเทศไทย" โดยพลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันไม่มีความเข้มแข็ง และไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาต่างๆเชิงลึกทำให้ยังคงมีปัญหาทุกด้านของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล และภายในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีความสามัคคี แต่การที่รัฐบาลยังคงบริหารประเทศอยู่ได้เพราะมาจากกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เคลื่อนไหวสร้างปัญหาให้รัฐบาลได้ใช้เป็นข้ออ้างในการบริหารประเทศต่อไป รวมทั้งจากที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหว
รวมถึงปัญหาความขัดแย้งภายในของกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
คาดว่าการเลือกตั้งใหญ่ปีหน้าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาล ยังได้กลับมาครองอำนาจบริหารต่อไปและปัญหากีฬาสีเสื้อ ทั้งเหลือง แดง น้ำเงิน จะมีความเคลื่อนไหวต่อไปด้วยจนกว่าคนคนหนึ่งที่อยู่ต่างประเทศจะตายไปเมื่อไหร่ เมื่อนั้นประเทศไทยจะเลิกทะเลาะกันและจะพัฒนาไปไกลจนประเทศคู่แข่งตามไม่ทันเพราะประเทศไทยมีข้อดีที่ได้เปรียบประเทศอื่นๆมากเนื่องจากเรามีเงินออมสูงมากที่สุดในภูมิภาคจากทษฏีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งขอให้คนไทยอย่าสิ้นหวังประเทศไทยยังมีดีอีกมากที่ใครๆอยากเข้ามาแทรกแซงการเมืองของไทยเพื่อให้ประเทศไทยมีแต่ความปั่นป่วนวุ่นวายและมุ่งทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พลโทนันทเดช กล่าวอีกว่าขณะที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อเหลือง ในขณะนี้ได้ถูกรัฐบาลมองข้าม
โดยรัฐบาลประเมินจากการชุมนุมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึงที่จริงแล้วกลุ่มคนเสื้อเหลืองถือว่าเป็นปัญหาสำคัญของรัฐบาลเช่นกัน แต่เนื่องจากกลุ่มคนเสื้อเหลืองเข้าถึงข่าวสารมากกว่าจึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่าควรเข้าร่วมการเคลื่อนไหวเมื่อใดที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการนิรโทษกรรม ไม่ใช่ทางออกของประเทศ จึงไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการนิรโทษกรรม เพราะไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้
ด้านนายแพทย์ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อหลากสี กล่าวว่า ต้องการให้ทุกฝ่ายหยุดทะเลาะกัน
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี จะต้องเร่งทำงาน และแก้ปัญหาต่างๆในเชิงลึกมากขึ้น พร้อมยืนยันกลุ่มคนเสื้อหลากสีไม่ใช่ลิ่วล้อรัฐบาล แต่จะคัดค้านในเรื่องที่เห็นว่ารัฐบาลทำผิด และเป็นกลุ่มกลางๆที่ต้องการเห็นความสงบ ก้าวหน้าของบ้านเมือง แต่ถ้านายกรัฐมนตรี ไม่ทำตามที่รับปากไว้ว่าจะไม่แก้ไข ม.190 ในขั้นตอนการแปรญัญติและจะไม่ยกเลิกกรอบการเจรจาไทย-กัมพูชาหรือเจบีซี ก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกจะพิจารณาแผนการพัฒนาพื้นที่รอบปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชา ที่จะยื่นต่ออนุกรรมการมรดกโลกในปีหน้าที่จะประชุมที่ประเทศบาร์เรน์ กลุ่มเสื้อหลากสี ก็จะไปร่วมชมนุมคัดค้านกับพันธมิตรฯในวันที่ 25 มกราคม ซึ่งต้องรอการแปรญัญติของคณะกรรมการธิการร่วมสองสภาฯว่าจะหยิบยกมาตรา 190 มาแก้ไขด้วยหรือไม่ หากการมาชุมนุมด้วยไม่ฟังเหตุผลก็จะทำให้ประชาชนที่มาร่วมน้อยลงเรื่อยๆเหมือนกับที่กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมหน้ารัฐสภา คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ทำให้คนด่ามากกว่าและมีการตั้งกระทู้กันมากบางคนบอกว่าหากกลุ่มหลากสีไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯโดยไม่มีเหตุผลเพราะแกนนำพันธมิตรฯค้านแบบหัวชนฝา จะออกจากลุ่มเสื้อหลากสีทันที
นายทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การที่รัฐบาลบริหารราชการมาได้เกือบ 2 ปี ถือเป็นเรื่องที่เกินคาด
แต่เพราะการประสานผลประโยชน์ร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อว่าจะทำให้รัฐบาลมีอายุยาวไปถึงปีหน้า ส่วนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนหากยังขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นที่ถูกต้อง ไม่ว่ารัฐบาลใดจะเข้ามาบริหารประเทศก็จะไม่มีปัญหาทุจริตคอรรัปชั่นเหมือนในปัจจุบัน เรียกว่ารัฐบาลชุดนี้ เป็นรัฐบาลเทพประทาน มารอุ้มสม และประชาชนจะเห็นภาพการบริหารประเทศอย่างนี้ต่อไปอีกเพราะถึงแม้จะเลือกตั้งเร็วอาจจะเป็นกลางปีหน้า รัฐบาลประชาธิปัตย์และพรรคร่วม จะได้กลับมาบริหารประเทศอีกครั้งโดยจะได้ ครม.หน้าตาแบบนี้ที่คนไทยต้องทนและยอมรับต่อการเกี่ยเซี่ยผลประโยนช์ของพรรคร่วมอยู่ตลอดเวลา