เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ธันวาคม ที่หอประชุมศรีรัศม์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย
กล่าวปาฐกถาในงานรัฐศาสตร์วิชาการในหัวข้อ "การสร้างประชาธิปไตยในระยะปฏิรูปประเทศ" ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ตนอายุ 79 ปี ผ่านการลาออกจากตำแหน่งมาแล้ว 3 ครั้ง จนมีคนล้อเลียนว่าเป็น "พ่อใหญ่ลา" ครั้งแรกคือการลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) เพื่อมาทำงานทางการเมืองและเดินเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ
อดีตนายกฯกล่าวว่า พอปี 2539 มาเป็นนายกฯ 7 วัน ก็รู้แล้วว่าประเทศกำลังล้มละลาย เพราะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมหาศาล จนถูกโจมตีค่าเงินบาท จึงเซ็นหนังสือ 2 ฉบับ คือคำสั่งลอยตัวค่าเงินบาท และหนังสือลาออกจากนายกฯ แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มาขอให้ระงับไว้ก่อน จนสถานการณ์ดีขึ้นจึงประกาศลาออกเพื่อรักษาสัจจะวาจา แต่กลับมีแต่คนด่า
พล.อ.ชวลิตกล่าวต่อว่า ครั้งที่ 3 คือเมื่อเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้อยากมายุ่งการเมืองแล้ว
แต่มีคนจากต่างประเทศมาขอร้องให้มาช่วย จึงตัดสินใจมาดูแลงานความมั่นคงให้นายกฯสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่ต่อมานายสมชายไปคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง แล้วบอกว่าจะดูแลความมั่นคงเอง ตนก็งงว่าแล้วให้ตนดูอะไรกันแน่ ก็เลยคิดจะลาออกอีกครั้ง แต่พอมาถึงวันที่ 7 ตุลาคมที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาปิดล้อมรัฐสภา ตนได้เสนอให้ไปใช้สถานที่ประชุมที่อื่น แต่การประชุม ครม.ตอนดึกวันที่ 6 ธันวาคมก็คงมีคนเมาเยอะ แล้วสรุปให้ประชุมที่สภาให้ได้ แล้วนายสมชายจึงมาบอกตนให้ดูแลการเข้าประชุมในสภาให้ได้ ซึ่งตนก็งงว่าในเมื่อนายสมชายจะดูแลความมั่นคงเองแล้วสั่งตนทำไม แต่เมื่อสั่งมาก็ปฏิบัติตามนายกฯ
"ผมจึงเดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และเน้นย้ำว่าหากผลักดันไม่ได้ก็อย่าไปทำ ปล่อยให้ฝ่ายการเมืองรับผิดชอบ แล้วก็กลับบ้านไปนอน ตื่นมาตอน 6 โมงเช้า ก็ยิงกันสนั่นเมือง จึงโทรศัพท์ไปหานายสมชาย บอกว่าอย่าใช้ความรุนแรง แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ก็ต้องเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ผมจึงขอเสียสละลาออกเพื่อรับผิดชอบเอง" พล.อ.ชวลิตกล่าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
