นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงการนัดชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงว่า สังคมไม่อยากเห็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้เกิดความรุนแรงเช่น 2-3 ครั้งที่ผ่านมา คนที่ไปชุมนุมก็น่าจะรู้ดีเพราะที่ผ่านมามันเป็นบาดแผลของสังคม ในส่วนของรัฐบาลก็มีประสบการณ์ในการดูแลการชุมนุมก็ต้องประคับประคองสถานการณ์ให้จบลงด้วยดี เดือนนี้เป็นเดือนมหามงคลด้วย ใกล้เทศกาลปีใหม่ คนก็คงไม่อยากเห็นความวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากจะขออะไรคนเสื้อแดงหรือไม่ รมต.สำนักนายกฯ กล่าวว่า
ถ้าจะขอก็อยากจะขอทุกคนทั้งฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายผู้ชุมนุมและผู้ที่อยู่เบื้องหลังแกนนำผู้ชุมนุมเพราะย้อนกลับไป 5-6 ปี ที่ผ่านมา สังคมไทยมีบาดแผลร้าวลึกเกินเยียวยา จึงต้องใช้เวลาเยียวยาโดยไม่ใช่คนใดคนหนึ่งจะทำได้เพียงลำพัง เมื่อเลยเหตุการณ์เดือนพ.ค.ที่ผ่านมาน่าจะทอดเวลาให้สังคมฟื้นตัว ดังนั้นการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าต้องคำนึงด้วยว่า จะต้องไม่สร้างบาดแผลให้สังคมที่หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว ดีที่สุดคือขอให้เอาประสบการณ์และบาดแผลที่เกิดขึ้น แล้วมาเป็นตัวตั้งก็จะกำหนดบทบาทของทุกฝ่ายได้ ซึ่งต้องใช้มากกว่าคำว่าตั้งสติ เพราะการแก้ปัญหาความขัดแย้งมันไม่ใช่จ้องจะเอาชนะ ทางสังคมมีแต่เสมอตัวกับพ่ายแพ้ไม่มีวันที่จะชนะ 5-6ปี สังคมมีแต่คำว่าขาดทุนและขาดทุกคนทุกฝ่าย
“เราจะไปปฏิเสธบทบาทเมียหมอเหวง กลุ่มหมอเหวง หรือนายจตุพร นายณัฐวุฒิ ก็ไม่ได้ แต่คนกลุ่มนี้ต้องมีขีดจำกัดเช่นเดียวกับฝ่ายความมั่นคง แม้แต่สื่อมวลชนเองเพราะการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นเรื่องสำคัญกว่าการแสดงความเห็น จากการที่ผมได้ลงพื้นที่ที่ประชาชนถูกน้ำท่วมซึ่งได้ลงลึกไปถึงรากฐานของหมู่บ้าน สะท้อนมาว่าเรื่องใหญ่ของคนไม่ใช่เรื่องรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องใหญ่คือเรื่องความเป็นอยู่และปากท้องมากกว่า หมายความว่าสังคมไทยจะต้องเอาจริงเอาจังเรื่องปากท้องมากกว่า ที่จะเอาเรื่องประเด็นความขัดแย้งมาเป็นประเด็นหลักของสังคม คนไทยเจอมาหนักมากในปี 2553 แล้ว ”