ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย. เว็บไซด์ประชาไทเว็บบอร์ด และเว็บไซด์ไทยอีนิวน์ ได้เผยแพร่เนื้อหาจดหมายของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงที่หลบหนีออกจากประเทศไทย ไปในช่วงเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองเดือนพฤษภาคม 2553
โดยใช้หัวข้อว่า “อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง : สู้ทุกวิถีทาง” ซึ่งจดหมายดังกล่าวได้เขียนในสถานที่ซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยและผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ โดยเนื้อหาระบุว่า เราคงต้องทบทวนความชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ของพวกอำมาตย์และรัฐบาลที่เข่นฆ่าประชาชนเกือบร้อยศพ บาดเจ็บเป็นพันคน เราหมดความอดทน หมดหวังกับเรื่องการปรองดอง เพราะการกระทำทั้งล่าบ่าคนเสื้อแดงและการจับกุมคุมขังแกนนำและประชาชนที่ไม่มีความผิดมันเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับสิ่งที่รัฐบาลพูด และโกหกไปวันๆ เพื่อยืดอายุรัฐบาล
"ตอนนี้เขาวางระเบิดเวลากันเองลูกแรกเริ่มจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ มันใกล้ได้เวลาระเบิดแล้ว ทั้งที่เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของคนทั้งประเทศ เพราะมันมีธงมาแล้วคือพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบไม่มีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ตามคำสั่งของพวกอำมาตย์ที่เข้ามาแทรกแซงครอบงำองค์กรอิสระ ไม่เหลือแล้วความเป็นคนของตุลาการรัฐธรรมนูญสิ้นสุดลงแล้ว" เนื้อหาในจดหมายระบุ
นายอริสมันต์ กล่าวว่า ระเบิดลูกที่สองคือการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จะสร้างเงื่อนให้มีการรัฐประหาร โดยกลุ่มทหารของอำมาตย์และจะกวาดล้างคนที่ขัดขวางการรัฐประหารอย่างบ้าคลั่งจนเลือดนองเต็มแผ่นดินส่วนระเบิดลูกที่สามคือการลุกขึ้นสู้ต่อต้านเผด็จการรัฐประหารที่จะเกิดขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก ซึ่งจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นทุกหย่อมย่าน แล้วคนไทยจะล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งอำมาตย์และรัฐบาลไม่ได้สนใจ เพราะพร้อมที่จะปิดประเทศ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราต้องผนึกกำลังตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น หากมิตรประเทศมารองรับความถูกต้อง แล้วต่อสู้อยู่นอกประเทศ ซึ่งจะทำให้ทั่วโลกรู้ว่าสงครามประชาชนกำลังจะเกิดขึ้น
"พี่น้องจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมทุกอย่าง การลุกขึ้นของประชาชนครั้งนี้ ถ้าถูกทหารตำรวจใช้ความรุนแรงปราบปรามด้วยอาวุธต่าง ๆ เราจะสู้ด้วยวิธีของประชาชน เราจะตะโกนบอกฟ้า เรียกชื่อจริงของคนสั่งฆ่าให้ลั่นไปทั่วโลก เพื่อให้โลกรับรู้เสียที และเราพร้อมสู้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราขอวิงวอนถึงทหาร ตำรวจ ทุกท่าน ถึงเวลาแล้วที่พวกท่านจะได้พิจารณาตัดสินใจว่า ท่านจะเลือกยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน หรือจะเลือกยืนอยู่ข้างอำมาตย์และรับใช้รัฐบาลทรราชที่ไล่ฆ่าประชาชน" เนื้อหาในจดหมายระบุ
นายอริสมันต์ กล่าวว่า แม้ประชาชนจะไม่มีอาวุธก็ไม่แพ้ เพราะเราจะรวมกันสู้อย่างเป็นระบบโดย มีฝ่ายสนับสนุน ที่จะส่งเสริมอุปกรณ์ อุดหนุนเงินทุน ช่วยเหลือในด้านการเผยแพรข่าวสารความชั่วร้ายของรัฐบาลและสถาบันอำมาตย์ ทั้งทางอินเตอร์เน็ต สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆให้มากที่สุด อีกฝ่ายทำหน้าที่สู้รบรับผิดชอบประกบตัวการชั่ว ที่ทำร้ายประชาชน เช่นคนในรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจ ราชการ องค์กรอิสระ ตุลาการ ศาลผู้พิพากษา ที่รับใช้อำมาตย์และรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่ชอบบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยก โดยจำเป็นต้องจัดการให้หมดแบบสะดวกใครสะดวกมัน คือใครใกล้คนไหนก็จัดการคนนั้น โดยเราหวังเพียงพัฒนาเปลี่ยนแปลงระบบการปครองชาติและประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีสิทธิ เสรีภาพ ความยุตะรรม ความเท่าเทียมและรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน ซึ่งทุกคน ทุกสถาบันต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดยไม่มีข้อยกเว้น และผู้ฆ่าประชาชนต้องรับโทษ