ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 30 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงผลการสำรวจของหอการค้าทั่วประเทศในประเด็นมุมมองสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันพบว่าผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจ กับภาครัฐต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษแก่ข้าราชการ นักการเมืองที่ทุจริตเพื่อให้ได้งานมากกว่าร้อยละ 25 ว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น คือสิ่งที่ ตนได้หารือร่วมกับทางผู้นำภาคเอกชนและขณะนี้ตั้งใจว่าต้องทำงานนี้ให้สำเร็จ หลังจากที่ประกาศเจตนารมณ์ไปเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา และสิ่งที่ตนได้ย้ำคือข้อเสนอของ เขาจะมี 4 ส่วนด้วยกัน โดย 3 ส่วนต้อง การที่จะเดินหน้าทำงานได้เลย 1. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับฝ่ายต่าง ๆ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศซึ่งขณะนี้ก็ดำเนินการอยู่ 2. ความพยายามลดกฎระเบียบต่าง ๆ ซึ่งกำลังดำเนินการ เพราะเป็นแนวทางหลายเรื่องที่ตนรับมาแล้ว ก็กำลังให้หน่วยงานทำ และ 3. เรื่องที่เกี่ยวกับการรณรงค์ค่านิยม ซึ่งดึงทุกภาคส่วนเข้ามา และส่วนที่รัฐบาลทำเองคือปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่เกี่ยวกับเอกชนทั้งหมดกำลังเร่ง โดยวันนี้สำนักงบประมาณก็รายงานมา ซึ่งตนได้ให้ข้อสังเกต ไว้เข้าใจว่าต้องการเร่งรัดในส่วนการทำงานของการทำราคามาตรฐาน
“เพราะการสมยอมกัน การแสวงหาผลประโยชน์กัน ถ้าราคากลางสะท้อนความเป็นจริงก็ทำไม่ได้ในการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งอันนี้ต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเช่นเดียวกัน เพราะเขาจะเป็นผู้ซึ่งมีข้อมูลอีกด้านหนึ่งว่าของที่จัดซื้อจัดหานั้นในราคาที่ซื้อขายในตลาดเป็นอย่างไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า มีข้อเสนอเดียวที่เป็นข้อเสนอของหอการค้าที่ต้องใช้เวลาคือ
การปรับองค์กรของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้กลับไปครอบคลุมงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตามเดิมที่เคยตั้งไว้เมื่อปี 2542 และรัฐบาลชุดต่อมาก็มาเปลี่ยนให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนเข้าใจดีว่าตนทำเรื่องนี้อยู่ และเราก็จะร่วมมือกันแก้ปัญหานี้.