“มาร์ค” โบ้ยตอบตุลาการถอนตัว ย้ำไม่มีแผนสำรองหากถูกตัดสิทธิ์ ชี้ก็แค่เลิกยุ่งการเมือง บอกสภาจะเป็นคนหานายกฯ ใหม่เอง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 พ.ย. ที่สถานีวิทยุแห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท. 11) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจรูญ อินทจาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขอถอนตัวจากการพิจารณาคดียุบ ปชป. เป็นคนที่ 3 ว่า เรื่องนี้คงเป็นไปตามแนวปฏิบัติ เมื่อเป็นคู่กรณีขึ้นมาแล้ว โดยมารยาทต้องถอนตัว ซึ่งเป็นเรื่องของทางศาล ส่วนจะมีผลต่อการพิจารณาคดียุบพรรคหรือไม่นั้น คงไม่มีใครตอบได้ อยู่ที่องค์คณะที่เหลืออยู่จะพิจารราตัดสินในวันที่ 29 พ.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้เหลือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีนี้ 6 คน หากมติออกมา 3 ต่อ 3 กระบวนการจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องไปดูกฎหมาย ยังไม่ได้เห็นกฎหมายนี้ เพราะเพิ่งเกิดเหตุเมื่อค่ำวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา คงต้องไปดูกฎหมายว่าเขียนเรื่องการลงมติอย่างไร ในลักษณะไหน
เมื่อถามว่า การที่ตุลาการถอนตัวไปจากการพิจารณาคดีถึง 3 คน เกรงว่าการลงมติจะถูกนำไปขยายผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตุลาการแต่ละท่านที่ถอนตัวไปกลายเป็นว่าเป็นปฏิปักษ์กับผู้ร้อง ไม่ใช่ฝ่ายตน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางประชาธิปัตย์เตรียมให้นายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังศาลตัดสินจะชี้แจงอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อคดีสิ้นสุดลง ตนก็มีมีหน้าที่พูดกับสมาชิกพรรค ซึ่งยังไม่ทราบว่าศาลจะอ่านคำวินิจฉัยวันไหน แต่ได้เตรียมการเอาไว้ เพราะในอดีตก็เคยมีที่ตัดสินในวันเดียวกับวันแถลงผิดคดี อย่างไรก็ตามได้หารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคแล้ว ซึ่งในวันดังกล่าวนายชวน จะเป็นผู้แถลงปิดคดีทางวาจา ซึ่งนายชวน จะพยายามทำคำกล่าวแถลงปิดคดีให้ดีที่สุด เพราะทราบว่าศาลให้เวลา 30 นาทีเท่านั้น แต่มีหลายประเด็น จึงต้องพยายามเลือกประเด็นและทำงานกันอย่างเข้มแข็ง ทั้งนี้ในวันดังกล่าวตนจะไปร่วมรับฟังด้วย
เมื่อถามถึงความชัดเจนในการเตรียมตัวนายกรัฐมนตรีสำรองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าตนพ้นจากตรงนี้ไปก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับใครอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มีการระบุชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะต้องไปดูก่อนว่าคำตัดสินจะเป็นอย่างไร ใครถูกตัดสิทธิบ้าง นายสุเทพ อาจจะโดนด้วยก็ได้ เพราะมีชื่ออยู่คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดที่ถูกเสนอให้มีการตัดสิทธิด้วย แต่ถ้าถูกตัดสิทธิจริง ก็ยังมีสมาชิกเหลืออีกเยอะ อีกทั้งเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภา ไม่ใช่เรื่องที่พรรคจะมาตั้งเองได้ และถ้าถูกตัดสิทธิ ตนก็ทำหน้าที่รักษาการไม่ได้แล้ว ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทางพรรคได้เตรียมแผนสำรองไว้หรือยัง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นมีใครคุยอะไรกันเลย แต่เชื่อว่าถ้ามันมีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น สมาชิกพรรคคงจะต้องรวมตัวกันและกำหนดแนวทางว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า การไม่มีแผนสำรองไว้แสดงว่ามั่นใจว่าจะรอดจากการถูกยุบพรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกแล้วว่าหากตนถูกตัดสิทธิ ตนก็ไปยุ่งอะไรกับใครไม่ได้ ส่วนกระแสข่าวการเตรียมพรรคสำรอง ตนไม่ทราบว่ามีใครเตรียมอะไรไว้บ้าง อย่างที่บอกว่าถ้ามีการยุบพรรคและถูกตัดสิทธิ ตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว และโดยแนวปฏิบัติ ส.ส. ก็ต้องไปหาพรรคสังกัดตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนและถ้าเป็น ส.ส. อยู่ด้วยกันก็คงจะไปด้วยกัน
เมื่อถามย้ำว่า พรรคไทยเข้มแข็งใช่พรรคสำรองของประชาธิปัตย์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ย้อนถามว่า “ของใครล่ะครับ ผมยังไม่รู้จักเลย”
เมื่อถามว่า หากถูกยุบพรรคและเว้นวรรคการเมืองจะไปทำอะไร นายกฯ กล่าวว่า ทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องการเมือง
เมื่อถามต่ออีกว่า เตรียมการรับมืออย่างไรในกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามจะมาชุมนุมกดดันศาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากศาลวินิจฉัยอย่างไร ก็อยากให้อธิบายเหตุผลต่าง ๆ ให้ละเอียด ที่ผ่านมาเวลาศาลตัดสินเรื่องที่ละเอียดอ่อน ก็ได้กรุณาเขียนคำวินิจฉัยโดยนำข้อเท็จจริงและเหตุผลต่าง ๆ มารองรับอย่างละเอียด ซึ่งก็จะช่วยได้มาก ส่วนเรื่องความไม่พอใจอย่างไรก็ต้องมีบ้าง ตัดสินทางหนึ่งทางใดก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พอใจ แต่มันต้องให้เหตุผล ส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัย ทางเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้ดูแล และ ขณะนี้ยังไม่มีอะไรบ่งบอกว่าจะมีความรุนแรง อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคคงไม่มีการจัดกองเชียร์มาบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ แต่อาจจะมีสมาชิกพรรคไปอยู่กันที่พรรคเท่านั้น