ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน วอนทุกฝ่ายช่วยกันแบนนักการเมืองที่ไม่ได้อาสามาทำงานด้วยจิตสาธารณะ ชี้ประชุมสภาไทยล่มบ่อยจนเป็นปกติวิสัย
วันนี้ (26 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง "มาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองและการสร้างจิตสำนึกสาธารณะ : หลักการกับข้อเท็จจริง" ให้กับนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ระดับสูง รุ่นที่ 2 หรือ พตส. 2
โดย นายปราโมทย์ กล่าวบรรยายใจความตอนหนึ่ง ว่า ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหามากมาย ทั้งในเรื่องของความแตกต่างด้านความคิด การแบ่งสี แบ่งข้าง แบ่งฝ่ายแบบเอาเป็นเอาตาย ปัญหาเรื่องคลิปวิดีโอ และการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีอยู่ตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ามีคุณธรรมจริยธรรมที่เหมาะสม ปัญหาเหล่านี้ก็จะมีไม่มากและจะไม่กระทบต่อการบริหารบ้านเมือง
สำหรับนักการเมือง ผู้บริหารระดับประเทศและสภานั้น มีการประมวลจริยธรรมข้าราชการทางการเมือง พ.ศ. 2551 ที่ดูแลคณะรัฐมนตรี ข้าราชการการเมืองทั้งหมด รวมทั้งมีประมวลจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรและประมวลจริยธรรมวุฒิสภาที่นำมาใช้นี้ก็ถือเป็นกติกาที่ไว้กำกับดูแล ซึ่งถือว่าคนที่จะใช้อำนาจรัฐทุกระดับต้องมีชุดประมวลจริยธรรมกำกับอย่างน้อยหนึ่งชุด เพราะหากผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการใดที่เกิดผลกระทบต่อส่วนรวม ประมวลจริยธรรมก็จะมีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ แต่ทั้งนี้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะต้องมีชุดประมวลจริยธรรมที่สูงกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอาสาเข้ามาทำงาน โดยที่ไม่ได้มีใครบังคับให้เข้ามา ดังนั้นต้องทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรที่มีจำนวนน้อยให้กับคนที่มีจำนวนมากอย่างเป็นธรรม
ขอย้ำว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเมื่ออาสาเข้ามาต้องมีจิตอาสาและมีความพร้อมคือ
1.มีความพร้อมทางฐานะและความเป็นอยู่ตามสมควรในการดูแลครอบครัว
2.มีความรู้ความสามารถประสบการณ์ในการใช้อำนาจรัฐที่เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ และ
3.ต้องมีจิตใจอาสาเข้ามาทำงานเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมโดยไม่หวังผลประโยชน์ ทั้งรูปรายได้ ทรัพย์สินต่าง ๆ เพราะได้ค่าตอบแทนทางตำแหน่งไปแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าอาศัยสิทธิ์ เพื่อนำผลประโยชน์เข้าสู่ตนเอง
อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องคุณธรรมจริยธรรมต้องเริ่มบ่มเพาะจากครอบรัว เพื่อซึมซับการประพฤติปฏิบัติให้มีวิธีคิดจิตสำนึกสาธารณะ รู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม
“ตั้งแต่จำได้ไม่เคยมียุคสมัยใดที่สภาจะล่มบ่อยเหมือนยุคนี้ ทำให้กลายเป็นปกติวิสัย ความรับผิดชอบอยู่ที่ไหน ทุกคนต้องทำหน้าที่และคำนึงถึงจิตสาธารณตรงกลางให้ได้ นักการเมืองบ้านเราห่ำหั่นกันเอาเป็นเอาตาย ต่างกับนักการเมืองชาติตะวันตก เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้จักเสียสละ ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน นักการเมืองบ้านเราก็จะชกต่อยกัน เพราะวันที่ประชุมร่วมรัฐสภาก็มีนักการเมืองคนหนึ่งถอดรองเท้าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ โดยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู ไม่คิดว่าเป็นคนไทยด้วยกัน วิธีการเช่นนี้เป็นเรื่องพื้นฐานของคุณธรรม เพราะตราบใดที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้อาสามาด้วยจิตสาธารณอย่างแท้จริง ทุกคนต้องช่วยกันสกัดกั้น รังเกียจและไม่ให้ความร่วมมือเพื่อให้เขาใช้อำนาจรัฐให้ได้มากที่สุด” นายปราโมทย์ กล่าว