วันนี้ (25พ.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ มายื่นหนังสือให้ถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ว่า เพราะเขามีความห่วงใยเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะมีความเข้าใจหรือกังวลว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เมื่อค่ำวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา การอภิปรายของตนได้ตอบชัดเจนแล้วว่าเจตนาของรัฐบาลคืออะไร และคิดว่าการแปรญัตติของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 น่าจะทำให้ทุกฝ่ายมีความมั่นใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแยกความในวรรค 2 ของมาตรา 190 ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯไม่เข้าใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็รวมเข้าไปใหม่
เมื่อถามว่าจะให้คำมั่นได้อย่างไรว่าจะแปรญัตติกลับมารวมได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้หารือกับ ส.ส. ซึ่ง ส.ว.และพรรครัฐบาลต้องการอย่างนั้น ตนก็ตอบไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่นี่เป็นเจตนาที่เราจะทำ เมื่อถามว่ากรณีนี้กลายเป็นเงื่อนไขใหม่ที่เขานำมาใช้เคลื่อนไหว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกคนสามารถสร้างเงื่อนไขได้ แต่ตนฟังบางคนพูดในทำนองที่ว่าจะแปรญัตติโดยยัดไส้เรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งตนก็บอกว่าไม่มี และเจตนาของรัฐบาลคืออย่างนี้ เมื่อเจตนาของรัฐบาลเป็นอย่างนี้เราก็จะผลักดันให้มันเป็นไปตามเจตนา ทั้งหมดไม่ได้มีวาระแอบแฝงหรือประโยชน์อะไรอยู่แล้ว มันมีอยู่เรื่องเดียวคือเราจะทำอย่างไรให้มันมีหลักเกณฑ์เรื่องประเภทของหนังสือสัญญาเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่าจะนำผลการประชุมเจบีซีไทย-กัมพูชา เข้าสู่สภาฯใช่หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เดินต่ออยู่แล้ว ในคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) ตนได้คุยไปแล้วว่าจะแปรญัตติตามนี้ ซึ่งทาง ส.ว.ห่วงใยเรื่องนี้และจุดประเด็นขึ้นมาเอง เขาก็ต้องช่วย เมื่อถามต่อว่ากลุ่มพันธมิตรฯนำเรื่องนี้มาจุดประเด็นด้วยในการเคลื่อนไหวใหญ่ วันที่ 11 ธ.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงมีความชัดเจนก่อนวันที่ 11 ธ.ค.ว่าใครเสนออะไรเข้าไป เมื่อถามว่าถ้ากลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมยืดเยื้อ ซึ่งขัดกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีการดำเนินการอย่างไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ก่อนที่เขาจะชุมนุมกัน ทางเจ้าหน้าที่คงไปประสานงาน
“ผมคุยกับหลายฝ่ายก็กังวลหลายเรื่องไกลจนถึงอนาคตว่ารัฐบาลหน้าจะเอาอย่างนี้หรือไม่ แต่ผมคิดว่าเราต้องดูความเป็นจริง คนที่คิดเสนอแก้ไขมาตรา 190 ต้องการประเด็นเดียวคือทำอย่างไรให้มีหลักเกณฑ์ที่ไม่ทำให้ตกอยู่ในภาวะที่รัฐบาลกลัวและข้าราชการก็กลัว จึงต้องส่งมาให้รัฐสภาปลอดภัยกว่า แต่รัฐสภาใช้เวลามากในการพิจารณาแล้วกระทบต่อการทำหนังสือสัญญาต่างๆ ซึ่งเจตนามีเพียงเท่านี้ เราก็แก้เท่านี้ อย่าเอาประเด็นง่ายๆไปทำให้เกิดความซับซ้อนจนเกิดความหวาดระแวง เพราะเมื่อการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จวาระ 2 พอแปรญัตติออกมาเป็นอย่างไร มีเวลาอีก 15 วัน ในการที่จะตัดสินในที่จะเห็นชอบหรือไม่”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ต่อข้อถามว่าหลังจากคณะกรรมาธิการร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แปรญัตติมาแล้ว จะเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ
เพื่อพิจารณาวาระ 2 และ 3 หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะรอการประชุมรัฐสภาสมัยหน้าได้ ซึ่งวิปรัฐบาลก็คิดอย่างนั้น เพราะเห็นว่าการปิดประชุมรัฐสภาช่วงนี้ค่อนข้างสั้น และกรรมาธิการฯเขาจะมีเดินทาง คงไม่สะดวกที่เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ส่งคนเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการฯ จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบยังต้องรอดู
เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯบางคนพูดว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน นายกรัฐมนตรีอาจใช้วิธียุบสภา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบ บังเอิญมันผ่าน