พร้อมพงศ์โต้ตุลาการฟ้องหมิ่นแก้เกี้ยวกลบคลิปฉาวรูดซิบปากสื่อ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ 3 ตุลาการ ประกอบด้วย นายจรูญ อินทจาร นายสุพจน์ ไข่มุก และนายเฉลิมพล เอกอุรุ ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้อง ตน นายพสิษฐ์ ศักดษณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ และหนังสือพิมพ์มติชน ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ซึ่งเรื่องดังกล่าวตนมองว่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยว และกลบเรื่องคลิปฉาว เพื่อปิดปากตน และสื่อไม่ให้ทำหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าเป็นคดีแรกในประวัติศาตร์ของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตุลาการทั้ง 3 ท่าน ฟ้องนายพสิษฐ์ และตนซึ่งเป็นสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน และหนังสือพิมพ์มติชน ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบองค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตุลาการทั้ง 3 ท่าน ควรที่จะออกมาชี้แจงต่อสังคมเกี่ยวกับคลิป แต่กลับเลือกวีธีฟ้องร้องแทน เพราะเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่สังคมกำลังถามหาความยุติธรรม โปร่งใส ตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรม และยืนยันว่า

1.ตนและสมาชิก ไม่เคยเผยแพร่คลิปดังกล่าว

2. โจทก์ในคดีนี้กับตนต้องมาพิสูจน์ร่วมกันต่อศาล 

3.กรณีที่ปรากฎในรายงานข่าวตุลาการบางท่านถูกตนข่มขู่ขณะรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ตนอยากถามว่าเป็นการจินตนาการไปเองหรือ เพราะตนไม่เคยรู้จักหน้าเลย และตนจะไปพิสูจน์ที่ศาล

"การที่ผมไปข่มขู่ จะได้ประโยชน์อะไร ผมทำหน้าที่ในฐานะทีมกฎหมายพรรค ที่ติดตามคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ และติดตามการพิจารณาคดีดังกล่าวทุกนัด จนไปรับทราบข้อมูลความไม่ชอบของนายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปรับเอกสาร นอกเขตและเวลาการทำงานศาล กับเจ้าหน้าที่ศาล และกรณีนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปพบนายพสิษฐ์ รวมถึงการจัดสอบเจ้าหน้าที่ของศาลที่มีข่าวโกงข้อสอบ และยืนยันผมไม่เคยไปข่มขู่ตุลาการ เพราะการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ มีองค์คณะพิพากษา 9 ท่าน และข่มขู่นายจรูญคนเดียว จะเกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอย่างไร"

นายพร้อมพงศ์ กล่าวและว่า การฟ้องร้องคดีครั้งนี้ ตนเชื่อมั่นในศาลสถิตยุติธรรมว่า น่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด ว่าเรื่องใดจริงหรือเท็จ เกี่ยวกับ คลิป ฉาวครั้งนี้ โดยปราศจากข้อกังขาจากสังคม และเมื่อได้รับสำเนาคำฟ้องแล้ว หากมีข้อเท็จจริงใดในคำฟ้องที่เป็นเท็จ ตนจะฟ้องกลับทันที เพื่อกระชากหน้ากากบุคคลที่มาอ้างว่าตนเป็นคนดี แล้วมาฟ้องตนและสื่อมวลชน สุดท้ายจะได้รู้ว่าเป็นคนดีจริงหรือไม่