ชี้ พธม.-ทหารบีบพรรคร่วมตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่นายกฯ กลับสร้างเงื่อนไขให้บ้านเมืองวุ่นวาย ประกาศชุมนุมจนกว่าจะถอนร่างแก้ไข รธน.ทุกฉบับ
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 13/2553 ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่อง คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หยุดสร้างเงื่อนไขวิกฤติเพื่อยุบสภาว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ถือว่าเป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง โดยที่ประเทศชาติและประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งรัฐบาลยังใช้เล่ห์เพทุบายในการตั้งคณะกรรมการหลายชุดเพียงเพื่อตบตาประชาชนโดยจำกัดการศึกษาเฉพาะประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น โดยพันธมิตรฯได้เตือนรัฐบาลถึง 4 ครั้งว่าให้มีการประชามติก่อนที่จะแก้และแก้ประเด็นใดบ้าง หากประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน 14.7 ล้านเสียงเห็นด้วยแม้จะให้แก้ทั้งฉบับ พันธมิตรฯก็ยอมรับได้
“แต่ปรากฏว่าได้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญอีกสองฉบับเข้าสภาคือร่างแก้ไขของพรรคร่วมรัฐบาลและโดยเฉพาะร่างแก้ไขของนายแพทย์เหวง โตจิราการ ที่ยึดเอารัฐธรรมนูญ 2540 มาทั้งฉบับเป็นร่างที่พันธมิตรฯ ได้ชุมนุมคัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในปี 2551 เป็นเวลา 193 วัน เพราะมีเจตนาฟอกความผิดของนักการเมืองทั้งการทุจริตเลือกตั้งและทุจริตคอรัปชั่น อีกทั้งยังมีเจตนาให้มีลักษณะผูกขาดรวบอำนาจเป็นเผด็จการทางรัฐสภาโดยระบบทุนนิยม ครอบงำองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซึ่งนักการเมืองจนไม่สามารถตรวจสอบการกระทำความผิดของนักการเมืองได้ และถือเป็นเจตนาที่จะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทั้งฉบับ ทั้งๆที่มาจากความเห็นชอบในการลงประชามติของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ”นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่ามติของแกนนำพันธมิตรฯประณามการกระทำของนายกรัฐมนตรี รัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามดึงดันแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติไม่มีความเคารพประชาชนเสียงข้างมาก14.7 ล้านเสียงเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 2550 หากไม่มีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯตั้งแต่ปี 2549 ระบอบทักษิณก็ครองประเทศอย่างที่ไม่มีใครที่จะไปตรวจสอบใดๆ ได้ และหากไม่มีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ 2551ที่ยอมเสียสละชีวิตในวันที่ 7 ตุลาคม รัฐบาลในขณะนั้นก็คงจะทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของระบอบทักษิณ ซึ่งก็คงจะไม่มีการเอาผิดนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น หรือยุบพรรคการเมืองที่ทุจริตเลือกตั้ง และคงไม่มีพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“การเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจจะกลายเป็นชนวนสาเหตุอันสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายต้องเผชิญหน้า เพราะรัฐบาลย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าพันธมิตรฯจะต้องออกมาคัดค้านการแก้ไข ในขณะที่กลุ่มเสื้อแดง จะมาสนับสนุนอีกรัฐธรรมนูญของนายแพทย์เหวง ด้วย ถือว่ารัฐบาลจงใจสร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงอีกจะได้เป็นเหตุในการยุบสภาและโยนความผิดให้กับภาคประชาชนเพื่อนายอภิสิทธิ์ จะได้ภาพวีรบุรุษในตอนจบ ซึ่งในความเป็นจริงนายกรัฐมนตรี ต้องการจะยุบสภาเร็วๆนี้เพื่อหนีความรับผิดชอบในกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ที่คณะกรรมการมรดกโลกในปีหน้าจะเข้ามาจัดการบริหารพื้นที่เขาพระวิหารและต้องการยุติปัญหาการเมืองที่ล้มเหลว”นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวว่าขอประณามคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวหาว่าคนที่คิดอยากให้มีการรัฐประหารแอบแฝงอยู่กับการชุมนุมของพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์ กำลังโกหก และกล่าวหากองทัพที่เป็นผู้อุ้มชูสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้มาโดยตลอด ดังนั้นการกระทำของรัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น เนรคุณ ตระบัดสัตย์ โกหก ขายชาติ ที่จะเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร หากมีรัฐประหารเกิดขึ้นจริงเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ เป็นต้นเหตุ
“รัฐบาลชุดนี้ได้มีการจัดตั้งขึ้นมาได้ เพราะกองทัพได้ไปสนับสนุนและเจรจาให้พรรคการเมืองอื่นๆมาจัดตั้งมาเป็นรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งกองทัพได้มีความกล้าหาญในการใช้มาตรการตามกฎหมาย จัดการกับกองกำลังติดอาวุธ ในภาวะที่รัฐบาลมีความอ่อนแอไม่กล้าสั่งการใดๆ จึงทำให้รัฐบาลสามารถอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้นการพูดเรื่องรัฐประหารจึงเป็นเพียงวาทกรรมที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีความรับผิดชอบ ดังนั้นจะมีการนัดชุมนุมใหญ่อย่างสงบปราศจากอาวุธคัดค้านหน้ารัฐสภาตั้งแต่วันที่23-25 พ.ย. โดยจะจะชุมนุมตั้งแต่ 08.00 น.จนปิดการประชุมสภาและจนกว่าจะมีการถอนร่างหรือลงมติไม่รับรองการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทุกฉบับ”นายปานเทพ กล่าว
ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวว่าพันธมิตรฯรู้ดีกว่าเป็นเกมของรัฐบาลที่ต้องการให้พันธมิตรฯออกมาชุมนุมและอาจจะมีการเผชิญหน้ากับกลุ่ม นปช.และกลุ่มเสื้อแดง เป็นแผนที่นายอภิสิทธิ์ ออกแบบไว้แล้วเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดความวุ่นวายทั้งนอกสภาและในสภาหากมีการอภิปรายร่างของนายแพทย์เหวง จะเกิดความตึงเครียดขึ้นแน่นอน โดยนายอภิสิทธิ์ จะใช้โอกาสนี้ชิงยุบสภาโยนความผิดให้กับภาคประชาชนเพื่อตัวเองจะได้เป็นพระเอก และคงความเป็นนักประชาธิปไตยไว้ แต่ในความเป็นจริงนายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงนักการเมืองน้ำเน่าที่มีอยู่เต็มสภา ฝากไปถามด้วยว่าหากไม่มีพันธมิตรฯพรรคประชาธิปัตย์ก็จะนั่งอยู่มุมๆหนึ่งของรัฐสภาอย่างง่อยเหงา และที่บอกว่ามีคนในพันธมิตรฯชอบสร้างเงื่อนไขให้ทหารมารัฐประหาร ถามว่าหากทหารไม่พาพรรคร่วมมาบีบในค่ายทหารให้มาร่วมตั้งรัฐบาลซึ่งครั้งนั้นก็ถือว่าปฎิวัติแล้ว นายอภิสิทธิ์ จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างที่ฝันไว้ตั้งแต่ 10 ขวบว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรีจนพ่อนายอภิสิทธิ์ ต้องส่งไปเรียนเมืองนอกให้นายชวน หลีกภัย ฟูมฟักเพื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรีและอยากนั่งเก้าอี้นายกฯให้นานที่สุด แต่วันนี้นายอภิสิทธิ์ เป็นคนไม่รู้กาลเทศะ อัตตาสูงและเนรคุณ เพราะนายอภิสิทธิ์ รู้ดีว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อใด พันธมิตรฯต้องออกมาแน่ ถึงแม้จะเป็นเกมเราต้องมาเพราะเป็นจุดยืนแต่ต้น หากไม่ออกมาคัดค้านและอาจจะมีการพลิกในสภาเอารัฐธรรมนูญ 2540 ขึ้นมาได้ทั้งฉบับถึงคราวประเทศไทยเกิดวิกฤติร้ายแรงที่สุด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่าภาคประชาชนต้องประชามติแต่รัฐบาลไม่ทำอ้างว่าเสียเวลา แต่มาฉวยโอกาเอาเข้าสภาในขณะที่คนไทยกำลังประสบภัยน้ำท่วมทั่วประเทศ เหมือนกับร่างเจรจากรอบเจบีซี ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนเกือบสองล้านไร่ซึ่งพันธมิตรฯจะชุมนุมคัดค้านวันที่ 11 ธ.ค.ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยปักหลักพักค้างหากไม่ถอนออกก็จะไม่ยุติการชุมนุมเพราะรัฐบาลยัง พยายามจะให้ผ่านสภาให้ได้ เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีความจริงใจและไม่เห็นประโยชน์ของประชาชน ซึ่งการชุมนุมใหญ่หน้าสภาฯจะไม่เกิดขึ้นหากรัฐบาลยอมถอยโดยการถอนร่างแก้ไขออกและไม่มีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีการประชามติจากประชาชนทั่วประเทศ