เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รรท.รองผบช.กมค.
กล่าวถึงกรณีที่ ประธานกมธ ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่า พล.ต.ต.วิสุทธิ์ทำผิดกฎหมาย เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเพื่อใช้สิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จ.นครราชสีมา เพื่อรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สิน ว่า บัตรประชาชนของตนใช้คำนำหน้าว่านายมาโดยตลอด เพื่อให้ตรงกับชื่อในสำเนาทะเบียนบ้านที่เป็นนาย จึงไม่เคยเปลี่ยนคำนำหน้า เรื่องนี้สื่อสามารถไปตรวจสอบที่อำเภอได้ ซึ่งหากทะเบียนของตนมียศ ตนก็จะมียศในบัตรประชาชนเช่นเดียวกัน
สำหรับการเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเอง ลำตะคอง จ.นครราชสีมา
ตนก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ตนสมัครเพราะต้องการมีสิทธิ์ ซื้อที่ดินจากราษฎรที่เป็นเกษตรกร ซึ่งกำหนดไว้ว่าซื้อได้ไม่เกินคนละ 50 ไร่ ตนคิดว่าจะซื้อไว้ทำเกษตรเมื่อเกษียณอายุราชการ และการซื้อที่ดิน ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นอาชีพเกษตรเท่านั้น ตำรวจ ทหาร หรือ ข้าราชการอื่น ๆ ก็มีสิทธิ์ซื้อได้ ตอนนี้ ตกลงกับผู้ขายแล้วว่าจะซื้อ 47 ไร่
"สื่อมวลชนตรวจสอบได้ ลักษณะแบบนี้โกหกใครไม่ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวดูวิสุทธิ์บ้างจะไล่ตั้งแต่เกิดว่าพ่อเป็นใคร โตมาอย่างไร ใช้รถอะไร ทรัพย์สินมีเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนที่ออกมาทำปากเก่งขาสั่น ตอนนี้ข้อมูลเยอะมาก มายุ่งมากไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็ฟ้องหมิ่นประมาทอย่างอิสระจะฟ้องที่เชียงใหม่ ตอนนี้ไม่ออกมาแถลงก่อนจะสวนอย่างเดียว" พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าว
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังคงถูกเชิญตัวไปให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ พรุ่งนี้จะไปที่กมธ.เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ บช.ภ. 9
ว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้องอย่างไร แต่สำหรับกรรมาธิการการตำรวจ คงไม่ไปให้ข้อมูลแล้ว เพราะให้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะคนเป็นประธานมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าเรียกไปอีกจะไม่พูดอะไร จะป่วย หรือไม่ก็เข้าไปนอน และตนจะคอยดูการแต่งตั้งระดับ รองผบก.-สว. และออกมาเปิดเผยว่าใครอาวุโสอย่างไร หรือได้ขึ้นเพราะอะไร