ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ภายหลังจากที่ประชุมเห็นชอบเรื่องที่ที่ประชุมเลื่อนขึ้นมาให้พิจารณาก่อน กรอบการเจรจาข้อตกลงความร่วมมือระหว่างไทยกับฮ่องกงเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า เสร็จสิ้น
น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ ส.ส.ลพบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้เลื่อนกรอบการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อินเดียขึ้นมาพิจารณาก่อน ทำให้นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นคร พนม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นทักท้วงอีกครั้งขอทราบความชัดเจนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ค้างในวาระซึ่งต้องพิจารณาก่อน ทำไมถึงเลื่อนออกไปอีก ทำให้ส.ส.ประชาธิปัตย์และเพื่อไทยลุกขึ้นอภิปรายตอบโต้กันเล็กน้อยว่า ควรจะพิจารณาไปตามวาระหรือไม่
จากนั้นนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ชี้แจงว่า ตอนนี้ขอให้พิจารณากรอบการเจรจาไปก่อน ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญ น่าจะมีการหารือวิป 3 ฝ่ายโดยประธานรัฐสภานัดหมาย เพื่อดูว่า ร่างที่เสนอโดยประชาชนพร้อมจะพิจารณาไปพร้อมกันด้วยหรือไม่
ส่วนนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้เสนอร่างใน 2 ประเด็นแล้ว ในการประชุมครม.ช่วงเช้า
จึงเป็นการยืนยันที่สมาชิกทวงถามว่า รัฐบาลใส่ใจอย่างไร และเห็นว่า หนทางการแก้รัฐธรรมนูญเป็นหนทางหนึ่งเดินไปสู่การปรองดอง ส่วนจะประชุมเทื่อไหร่ อยู่ที่ประธานจะนัดประชุม ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พยายามสอบถามว่านายไพจิต จะยอมถอนญัตติก่อนหรือไม่ จะได้ไม่ต้องนับองค์ประชุม ทำให้นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อุทัยธานี กล่าวว่า ส.ว.ไม่อยากเข้ามาเป็นเกม ถ้าจะโหวตก็โหวต ถ้าไม่ครบองค์ประชุม ก็ไม่ครบ ประชาชนจะได้รู้ ทำให้นายประสพสุข กดออกเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุมนานกว่า 15 นาที ซึ่งระหว่างรอสมาชิก นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ทักท้วงว่า นายไพจิต ไม่ได้เซ็นชื่อเข้าประชุม ไม่มีสิทธิ์เสนอญัตติ
แต่นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เพื่อให้ชัดเจน ขอเสนอญัตติให้นับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ จะได้รู้ว่าใครสันหลังยาวหรือไม่ แต่นายประสพสุข กล่าวว่า ตอนนี้กำลังนับองค์ประชุมอยู่แล้ว จะเสนอญัตติซ้อนไม่ได้ จากนั้นจึงสั่งเสียบบัตรแสดงตน ปรากฏว่า มีสมาชิกแสดงตน 308 คน จาก 620 คน ไม่ครบองค์ประชุมกึ่งหนึ่งที่ 310 คน นายประสพสุข จึงสั่งปิดประชุมเวลา 13.40 น. ถือเป็นการล่ม ครั้งที่ 3 ในรอบสองสัปดาห์ หลังจากการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน และการประชุมสภาผู้แทนฯวันที่ 11 พฤศจิกายน ล่มมาแล้ว