เมื่อเวลา 08.30 น. ที่รร.เรดิสัน พระรามเก้า พรรคเพื่อไทยจัดสัมมนาเชิงปฎิบัติการเรื่องวิกฤตการณ์การเมืองกับทางรอดของประเทศไทย
โดยพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดงานว่า วิกฤตการณ์ของชาติค่อนข้างมีความสำคัญสูงสุดเพราะเป็นตัวชี้ว่าจะทำให้เราสูญเสียความเป็นชาติหรือไม่ ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์มายาวนานวันนี้น่าห่วงอย่างที่สุด ทั้งที่ในอดีตชาติไทยเคยเป็นหนึ่งในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ที่แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงของโลกแต่ไทยก็ยังสามารถรักษาความเป็นไทยเอาไว้ได้ แต่ที่เราอยู่รอดมาได้นั้นเป็นการอยู่รอดเพียงชั่วคราว เราสามารถแก้ปัญหาเผชิญหน้าในสังคมของเราแต่เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานที่เป็นปัญหาหลักที่ทำให้เกิดปัญาเฉพาะหน้าในรูปแบบต่างๆได้ คือปัญหาการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรม และไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจุบัน หรือการเมืองการปกครองที่ไม่ใช้ระบอบตามอำนาจที่ได้มาจากประชาชน หรือการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ผู้คนบนโลกมีความอยู่รอดที่สำคัญคือระบบเศรษฐกิจจะทำให้บ้านเมืองอยู่รอด
แต่เศรษฐกิจจะไปได้หรือไม่ได้ต้องอาศัยการเมืองเป็นปัญหานำ ถ้าระบบเศรษฐกิจไม่มีการเมืองที่ถูกต้องนำนั้นก็จะล่มสลายในที่สุด วันนี้หลายประเทศเริ่มหันมามองประเทศในเอเซียที่ยังไม่มีการพัฒนาประชาธิปไตยหรือปฎิวัติประชาธิปไตย ซึ่งอย่างประเทศไทยนั้นถือเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา เพราะเวลาผ่านมาแล้ว 78 ปีตั้งแต่ปี 2475 ที่เราแสวงหาประชาธิปไตยแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ที่มาอ้างว่าเป็นเสือตัวที่ 5 หรือมังกรตัวที่ 6 และมีความภาคภูมิใจกันนั้นในท้ายที่สุดก็จะแฉลบกลับลงมาสู่ความล่มสลาย
"เมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีคนถามว่าทหารจะปฎิวัติหรือไม่ จึงตอบไปว่าถ้าเหตุปัจจัยครบถ้วนก็ตัวใครตัวมัน ผมเสียดายเป็นบ้าเลยรู้อย่างนี้ตนยึดอำนาจดีกว่า เพราะถ้ายึดอำนาจแล้วรู้วิธีทำก็สร้างประชาธิปไตยได้มันก็จบไม่ใช้ยึดอำนาจทีไรแล้วฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วร่างขึ้นมาใหม่ ประเทศไทยจึงมีรัฐธรรมนูญมาก และวันนี้ที่จะมีการแก้รัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็น ผมเห็นว่าไม่ได้ไปช่วยเรื่องปรองดองแห่งชาติแม้แต่นิดเดียว เสียเวลาและเสียเงินไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้เปล่า "
พลเอกชวลิต กล่าวต่อไปว่า “วันนี้สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในหัวใจของพวกเรา คือการกล่าวหาว่าเราไม่จงรักภักดี องค์พระมหากษัตริย์ คือองค์เอกภาพ เรามีพระมหากษัตริย์ จึงเหมือนเสด็จพ่อปกครองลูก มีความผูกพันที่ยึดมั่น แน่นอนที่สุดคนที่มีความคิดที่เอ็กซ์ตรีมมันแต่ต้องหาทางทำความเข้าใจกับพวกนี้ ที่ผมตัดสินใจมาอยู่ในพรรคเพื่อไทย ภารกิจข้อแรกคือการจะมาพิสูจน์ว่าพรรคนี้มีความจงรักภักดี แต่ความจงรักภักดีของเราไม่ต้องประกาศ เมื่อไม่กี่วันมานี้มีคนบอกว่าจะพวกเราต้องรวมกำลังกันเพื่อปกป้องสถาบัน ผมทนไม่ไหวจริงๆ "
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ขอบอกไว้ในที่นี่เลยว่าอีกไม่นานเกินรอพรรคนี้จะมีเครื่องหมายแห่งความจงรักภักดีเข้ามาอยู่กับพวกเรา เป็นหม่อมเจ้ารุ่นสุดท้าย
เพราะท่านทราบดีว่าวิธีการที่จะปกป้องสถาบันได้ดีที่สุด ไม่ใช่การร้องเพลง หรือขี่จักรยานแต่เป็นการทำงานถวาย สุดท้ายขอฝากให้ผู้นำกองทัพช่วยรักษาเกียรติและความยึดมั่นที่เราเชื่อเอาไว้ให้ดีเมื่อใดที่กองทัพล่มสลายเมื่อนั้นก็จะไม่มีแผ่นดิน และขอทุกคนที่อยู่ในที่นี้ช่วยกันแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองด้วย เพราะวันนี้เราอยู่ในอันดับเกือบจะติดตินแล้วการอยู่อย่างนี้ต่อไปมันไร้ศักดิ์ศรี
ในช่วงให้สัมภาษณ์สื่อ นักข่าวถามว่ากังวลใจกับผู้นำกองทัพในขณะนี้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เราก็ยังมั่นใจในตัวเขา เพียงแต่เขาต้องคิดให้ดีในวันนี้ ให้มั่นคงอย่าหวั่นไหว หวั่นไหวเร็วแล้วมายึดอำนาจอีก เดี๋ยวมันจะยุ่ง เพราะทุกอย่างมันมีโอกาสเป็นเงื่อนไขได้ทุกข้อ