ที่วัดศรีสุดารามวรวิหาร พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่อาจมีการพิจารณายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นกรุงเทพและปริมณฑลว่า
สถานการณ์ตอนนี้ปกติ แต่การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หมายความว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นภัยร้ายแรงได้หมดไปแล้ว หรือหน่วยงานปกติสามารถควบคุมและทำงานได้ ทั้งนี้ ศูนย์ อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)เป็นศูนย์ที่มีการบูรณาการของหน่วยต่างๆของกระทรวง ทบวง กรม มารวมกันตามพระราชกำหนด เมื่อมีการหารือกันว่า เหมาะสมที่จะยกเลิกและไม่ควรจะประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปก็เป็นปกติ
ส่วนหากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทางศอฉ.ก็จะถูกยกเลิกไปด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะศอฉ.เกิดขึ้นตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อถามว่า หากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.จ.สาษฎร์ธานี จะกลับเข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ทำตามนโยบายของรัฐในเรื่องความมั่นคง การกลับมาของนายสุเทพที่จะทำงานด้านความมั่นคง กองทัพและกระทรวงกลาโหม ไม่มีปัญหาใด ๆ
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้ามาพูดคุยกับกองทัพในเรื่องความปรองดอง พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า กองทัพไม่ได้มีอะไรกับใคร ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร หากพล.ต.สนั่น บอกว่า จะเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกลาโหม ในส่วนของกองทัพ หากมีการเผชิญหน้าก็ต้องในฐานะด้านศัตรู กองทัพเป็นของประชาชนอยู่แล้ว กองทัพเห็นด้วยในแนวทางสร้างความปรองดองเพราะเราไม่ควรแตกแยกกันมาตั้งแต่ต้น ส่วนกรณีที่พล.ต.สนั่น เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในเรื่องความปรองดองนั้น ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กำลังพลของกองทัพอากาศโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ผู้ใดทำผิดกฎหมายต้องเป็นไปตามกระบวนการตามระเบียบวินัยของกระทรวงกลาโหม ซึ่งทุกคนทราบอยู่แล้วว่า สิ่งใดควรหรือไม่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการทหาร ดังนั้นต้องดำเนินการตามกฎหมายและทหารจะไม่ได้รับการยกเว้นทั้งสิ้น