นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-พม่า ที่มีการปะทะกันระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยและมีกระสุนปืนตกลงมาในเขตไทยว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอแม่สอด ลงไปดูแลในพื้นที่ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงให้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย โดยจัดที่พักไว้ที่โรงเรียนบ้านแม่ตาว ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด พร้อมดูแลในเรื่องของอาหารและความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ส่วนผู้อพยพที่ข้ามมาจากฝั่งพม่าเข้ามาฝั่งไทยนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้มีประมาณ 10,000 คน ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่รองรับไว้ที่วัดท่าสายโทรเลขและวัดไทยวัฒนาราม ซึ่งหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะนำผู้อพยพทั้งหมดมาพักที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 346 เพื่อดูความปลอดภัยและสะดวกในการให้ความช่วยเหลือ
นายชวรัตน์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่บ้านพระเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรีว่า มีกระสุนปืนเอ็ม 79 ตกมายังฝั่งไทย 4 ลูก
บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองอำเภอสังขละบุรี แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นได้อพยพประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนออกมาพักอยู่ที่บ้านซองกาเรีย อำเภอสังขละบุรี ส่วนกลุ่มกระเหรี่ยงชาวพม่าประมาณ 1,000 คน ที่อพยพเข้ามาในฝั่งไทย ทางทหารกองพลทหารราบที่ 9 ได้จัดให้พักอยู่บริเวณโรงเรียนบ้านพระเจดีย์สามองค์ ซึ่งสถานการณ์โดยทั่วไปยังไม่น่าห่วง ทางทหารได้เข้าไปดูแลในพื้นที่แล้ว
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย
ทั้งกรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัด ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำท่าจีน ว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์น้ำท่วมและปัญหาฝนตกน้ำทะเลหนุน เพื่อดูผลกระทบในจังหวัดที่อยู่ติดลุ่มน้ำ โดยได้กำชับให้เฝ้าระวังพื้นที่ริมน้ำ แต่ในภาพรวมสถานการณ์ไม่น่าห่วง คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ สถานการณ์จะคลี่คลาย หากไม่มีฝนตกลงมาอีก ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลและแก้มลิง
ส่วนที่มองกันว่า การแก้ปัญหาของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ค่อนข้างล่าช้ากว่าภาคเอกชนนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจาก ปภ.ต้องดูแลพื้นที่ทั่วประเทศไม่เหมือนภาคเอกชนที่ดูแลเพียงจุดเดียว อย่างไรก็ตาม ได้กำชับให้เร่งช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องแล้ว.- สำนักข่าวไทย