ผบ.ทบ.ชี้“จตุพร”ช่างคิด โยง MOU กับปฏิวัติ

ขส.ทบ.8 พ.ย. - ผู้บัญชาการทหารบก ระบุมีแผนดูแลความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีเข้มตลอดเวลา

เชื่อคนเบื่อความวุ่นวาย-ขัดแย้งในบ้านเมือง เหน็บ “จตุพร” ช่างคิดที่โยงเอาเรื่อง MOU ไทย-กัมพูชากับการปฏิวัติ ยืนยันไม่มีทหารคนไหนคิด เหตุ 19 ก.ย. 49 เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น หลังจากนั้นต้องแก้ไขตามระบบ ชี้ไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นสุดยอดของการปกครองแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

หากจะเกิดเหตุก็เพราะบุคคลที่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ได้เกิดเพราะเรื่องอื่น วันนี้ทุกฝ่ายน่าจะเบื่อความขัดแย้ง และไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรให้บ้านเมืองวุ่นวาย ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมว่าใช้ความรุนแรงไปหรือไม่ พยายามสร้างสถานการณ์เพื่อต้องการใช้อำนาจ หรือเพื่อให้มีอำนาจนานขึ้นหรือไม่ จึงต้องสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้น ต้องทำร้ายประชาชน ซึ่งการคิดแบบนี้เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดคิดแบบนั้น

“ทุกวันนี้คิดแต่ว่าทำอย่างไรให้บ้านเมืองเรียบร้อย เราจะได้กลับไปทำหน้าที่ของเราในการดูแลชายแดนให้ดีขึ้น ดูแล 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มากขึ้น และช่วยเหลือประชาชนพัฒนาประเทศ ดีกว่าที่ต้องมาตั้งด่านตรวจ ตั้งจุดสกัด เอากำลังเตรียมพร้อม มาปฏิบัติกับคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่คนอื่น หากทำกับชาติอื่นที่มาบุกบ้านเรา เราจึงป้องกันก็ว่าไปอย่าง แต่นี่เป็นคนไทยด้วยกัน ทำไมต้องให้ลำบากด้วย ผมไม่เข้าใจ” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว

เมื่อถามถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตามที่ฝ่ายข่าวระบุว่าจะมีเหตุลอบทำร้ายบุคคลสำคัญ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มีมาตรการดูแลอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งจะดูแลตามระดับความรุนแรงของสถานการณ์ การรักษาความปลอดภัยต้องทำอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งแม้ว่าจะทำตลอดเวลายังป้องกันไม่ได้ตลอดเวลา ก็ยังมีเรื่องเกิดขึ้น เพราะกรุงเทพฯ มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่ คนจำนวนมาก ทุกคนพยายามอะลุ่มอล่วยกัน พยายามจะขอความเห็นใจ ขอลดระดับหรือพยายามจะยกเว้นกฎหมาย แต่หากทุกคนรักษากฎหมาย ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ มองเจ้าหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คน ๆ เดียว แต่ทุกคนต้องช่วยกันแก้ไข สิ่งสำคัญ คือ กระบวนการยุติธรรมต้องไม่ถูกทำลาย

ส่วนกรณีปล่อยคลิปทำลายความน่าเชื่อถือของศาล ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า

เป็นเรื่องการสอบสวน ระบบศาลเกิดมานานแล้วพร้อมกับประเทศไทย ถ้าประเทศแข็งแรง ระบบกระบวนการยุติธรรมก็แข็งแรงพอสมควร หากเกิดการกระทำผิด ก็เป็นเรื่องของบุคคล ไม่ใช่เรื่องระบบ และไม่ใช่เมื่อมีคนทำความผิดแล้วจะบอกว่าแย่ทั้งระบบ ต้องมีคนที่ไม่ดีอยู่บ้าง เราต้องค่อย ๆ เอาออกไป

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สนับสนุนกระบวนการปรองดอง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยกล่าวเพียงว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ทหารมีหน้าที่เพียงดูแลทุกข์สุขของประชาชน รวมถึงการรักษากฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง
ระบุมีทหารกลุ่มหนึ่งสมคบกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใช้บันทึกความเข้าใจการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกร่วมไทยกัมพูชา ฉบับวันที่ 14 มิถุนายน 2543 (MOU 43) ปลุกกระแสชาตินิยมสร้างความวุ่นวายเพื่อให้ทหารออกมาปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้อ่านข่าวมาเหมือนกัน และเห็นว่าช่างคิดได้ ขอถามว่าใครอยากปฏิวัติ ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกแล้ว และถือเป็นสุดยอดกว่าประเทศอื่นแล้ว

“แล้วจะไปหาระบบระบอบใดมาอีก มันไม่ใช่การแก้ปัญหา สิ่งที่เขาทำไปในคราวที่แล้ว ผมไม่อยากย้อนกลับไปพูด แต่เขาทำเพื่อหยุดปัญหาที่จะเกิดเท่านั้น และหลังจากนั้นก็กลับมาแก้ไขด้วยกลไกปกติ แล้วเราจะย้อนกลับไปทำไมอีก ท่านก็พูดกลับไปกลับมา วนไปวนมาก็ไม่จบ สถานการณ์ในวันนั้นกับวันนี้ต่างกัน ต้องแก้ปัญหากันให้ได้ ส่วนเรื่องเอ็มโอยู 43 เชื่อเถอะไม่มีทหารคนใดที่อยากเสียผืนแผ่นดินไทย วันนี้โลกเจริญไปถึงไหนแล้ว ประเทศอาเซียนมีทั้งหมด 10 ประเทศ เรามีสัญญามีข้อผูกมัด หากท่านพูดกับคนโดยพูดปากเปล่า พูดวันนี้พรุ่งนี้เลิก วันนี้ทำพรุ่งนี้ไม่ทำ ผมว่าอีกหน่อยก็คบกันไม่ได้ อาเซียนก็แตกกัน ผมไม่ได้หมายความว่าไม่รักชาติ ไม่รักประเทศไทย เรื่องอะไรที่ต้องไปเสียแผ่นดินให้ประเทศอื่น แต่จะทำอย่างไรให้ผืนแผ่นดินที่อยู่ต่อเนื่องกันเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนทั้งสองประเทศมากที่สุด รวมถึงประโยชน์ที่จะเกิดร่วมกัน เส้นเขตแดนไม่ได้มีเอาไว้เพื่อทะเลาะกัน” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว.-สำนักข่าวไทย