ก่อนหน้านี้ปี 2550 บริษัท ไร่ส้ม มีรายได้ 207.8 ล้านบาท กำไรสุทธิ 99.3 ล้านบาท ,ปี 2549 มีรายได้ 323 ล้านบาท กำไรสุทธิ 86 ล้านบาท ,ปี 2548 มีรายได้ 48.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.3 ล้านบาท
ธุรกิจของ"สรยุทธ"กำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เฉพาะแค่ 3 ปี ฟันกำไรกว่า 300 ล้านบาท
ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ เดิมลูกค้าหลักในธุรกิจของ"สรยุทธ"มี 2 หน่วยงาน คือ ธนาคารออมสิน สังกัดกระทรวงการคลัง และ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ทำสัญญาโฆษณาโครงการ Thailand ExportHighlights เมื่อเดือน ก.ย. -ต.ค.2548 รวม 7 ล้านบาท
ล่าสุดมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ การปิโตรเลี่ยมแห่งประเทศไทย (ปตท.) สัญญาทำขึ้นเมื่อ 3 มี.ค. 2553 จ้างโฆษณาประชาสัมพันธ์ ปตท.ทางโทรทัศน์ วงเงิน 11.7 ล้านบาท
สำหรับงบประชาสัมพันธ์ของธนาคารออมสินที่เทให้"สรยุทธ"เฉพาะทำขึ้นปีในปี 2552 ได้แก่
จ้างวางสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสถานีโทรทัศนไทยทีวีสีช่อง 3 ในรายการ"เรื่องเล่าเสาร-อาทิตย์,เรื่องเล่าเช้านี้" ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค.2552 ผ่านบริษัท ไร่ส้ม จำกัด 4,802,160 บาท เมื่อ 28 พ.ค. 2552
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2552 จำนวน 4,802,160 บาท
และเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2552 จ้างวางสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ตั้งแต่เดือน ธค.2552-กพ.2553 จำนวน 4,802,160 บาท
ส่วนบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด ในรอบ 3 ปีย้อนหลัง (2548-2550) มีรายได้รวม 149.6 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 52.2 ล้านบาท
แบ่งเป็น
ปี 2550 รายได้ 49.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16 ล้านบาท สินทรัพย์ 23.8 ล้านบาท
ปี 2549 รายได้ 52 ล้านบาท กำไรสุทธิ 17.9 ล้านบาท สินทรัพย์ 25 ล้านบาท
ปี 2548 รายได้ 48.2 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18.3 ล้านบาท สินทรัพย์ 17.4 ล้านบาท
เห็นได้ว่ากำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 9 ตุลาคม 2546 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท (ก่อนบริษัท ไร่ส้มซึ่งก่อตั้ง 27 กุมภาพันธ์ 2547 ทุน 1 ล้านบาทเท่ากัน) แต่ตัวเลขมีรายได้น้อยกว่าบริษัทหลัง
กล่าวสำหรับความมั่งคั่งของ"สรยุทธ" ส่วนหนึ่งเกิดจาก "จุดแข็ง" ของตัวเอง อีกส่วนมาจากกลยุทธ์ของช่อง 3 ในการปั้นพิธีกรข่าวให้ดังเหมือนดารา
ยิ่งดังมาก ค่าตัวยิ่งมาก ทำนองนั้น ?
ประกอบกับกระบวนการผลิตรายการเล่าข่าว ถูกมองว่า "ต้นทุนต่ำ" ขณะที่ค่าโฆษณา นาทีละนับแสนบาท
กำไรก็เลยพุ่งกระฉูด
ขณะเดียวกันเขาถูกนิตยสารดังในเครืออมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่งจับขึ้นปกอย่างน้อย 2 ครั้ง
ครั้งแรกหลายเมื่อปีก่อนประกบคนสวยสุดฮอต พอลล่าร์ เทเลอร์ และ (อดีต) เจ้าหญิงวงการมายา แคทลียา แมคอินทอช
ครั้งล่าสุดครบรอบ 30 ปี นิตยสารแพรว ฉบับวันที่ 25 สิงหาคม 2552 คราวนี้ประกบคู่หนุ่มขี้เหร่ อารมณ์ดี "โน้ส-อุดม แต้พาณิชย์"ในคอนเซ็ปต์พบกันครั้งแรกของ "ผู้ชายขายดี" แต่งตัวสุดเนี้ยบด้วยแบรนด์ดัง แถมเปิดอกคุยยาวเหยียดอีกต่างหาก
ด้วยความเป็นคนดังเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหมือนกัน
เรื่องแรกในยุคที่ปักหลักเล่าข่าวคู่กับ "กนก รัตน์วงศ์สกุล"ทางช่อง โมเดิร์นไนน์ ยุค "มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไร่ส้ม ถูกตรวจสอบพบว่าหักรายได้ค่าโฆษณาเข้ากระเป๋าเกินจริง จนผู้บริหาร อสมท.ได้ตั้ง พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.มือปราบคอร์รัปชั่น เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนสรุปว่า "มีมูล"
ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ขณะเดียวกันในยุครัฐบาลทักษิณเรืองอำนาจต่อเนื่องยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และยุครัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งถูกมองเป็นนอมินีรัฐบาลทักษิณ เขาก็ถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีอย่างหนักว่าเป็นพวกทักษิณ
ถ้าจำกันได้กำแพงรั้วบ้านหลังเดิมในย่านลาดพร้าว ปัจจุบันเป็นบ้านของนางสาวสุกัญญา สุทัศนะจินดา พี่สาว (เพิ่งถูกโจรขึ้นบ้านเมื่อไม่นานมานี้) ยังถูกมือดีเอาสีสเปรย์ไปพ่นข้อความว่าเป็น "พวกทักษิณ"
และหลังจากการเมืองเปลี่ยนขั้ว รัฐบาลประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นใหญ่ เขาก็ถูกสื่อบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่า เล่าข่าวเอนเอียงเข้าข้างรัฐบาลเป็นพิเศษ (กรณี ฮุน เซ็น ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นที่ปรึกษา) โดยพยายามเชื่อมโยงเป็นเพราะทีวีของตระกูลมาลีนนท์อยู่ระหว่างเจรจาต่อรองค่าสัมปทานฉบับใหม่กับ อสมท. ช่อง 3 ก็เลยต้องเอาใจรัฐบาล
กระนั้นแม้ถูกซัดน่วมแต่ไม่มีเสียงตอบโต้จากเจ้าตัว
วันที่เจ้าตัวกล้าบอกดังๆว่า "ถ้าวันนี้หยุดทำงาน ก็ไม่คิดว่าจะจนได้อีก นอกจากจะถูกโกง"
อย่างไรก็ตาม ความมั่งคั่งของ "สรยุทธ"ถ้าไปวางเทียบกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะพบข้อมูลว่า นายอภิสิทธิ์ นางพิมพ์เพ็ญ คู่สมรส และ บุตรไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวม 52.8 ล้านบาท
น้อยกว่า "สรยุทธ์" ซึ่งหล่อน้อยกว่าแต่ก็อู้ฟู่ แซงทั่นผู้นำไปเรียบร้อยแล้ว