นายกฯ ป้องคลิปเปล่าแทรกแซงศาล

นายกฯ ป้องเนื้อหาคลิปเปล่าแทรกแซงศาล “วิรัช” ย้อนเพื่อไทยระวังถูกยุบรอบ 3

วันนี้ (4 ต.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ มีการพิจารณากระทู้ถามสดของ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้สด นายกรัฐมนตรี เรื่อง การบริหารราชการแผ่นดินเกี่ยวข้องกับขบวนการยุติธรรม ว่า กรณีเกิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรค และมีภาพ นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.หลายสมัยของ พรรคประชาธิปัตย์ รวมอยู่ด้วย โดยมีการพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับคดีที่ต้องการจะดึงประธาน กกต.มาชี้แจง เพื่อเป็นคุณแก่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ปกตินายวิรัช ไม่ใช่คนที่มีบุคลิกบุ่มบ่าม จึงเชื่อว่าการไปพบอดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ ไปในฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ การให้บุคคลของพรรคไปเจรจาให้คุณให้โทษกับคดียุบพรรค อยากถามว่าเป็นคำสั่งของนายกฯ หรือเป็นการกระทำโดยส่วนตัวของนายวิรัช
           
นายไพจิต จึงถามว่า นายวิรัช เป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเป็นทีมกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ ซึ่งยืนยันว่า เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของประเทศ จึงถามว่านายกฯ ได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ ยอมรับหรือไม่ว่ากรณีนี้ เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม จะแก้ปัญหานี้อย่างไรในระยะยาว
               
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ได้ตอบกระทู้นี้ด้วยตัวเอง

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ และมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องนั้น เป็นหน้าที่ของทุกคนต้องช่วยกันให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในตัวศาลรัฐธรรมนูญ และสถานะองค์กรยุติธรรม ให้อำนวยความยุติธรรมได้ สำหรับตนไม่ได้เพิกเฉย และสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้ว โดยได้ทำรายงานเสนอมายังตนแล้ว ซึ่งตนจะดำเนินการตามความเหมาะสม ผลจะเป็นอย่างไร ภายในวันสองวันจะมีความคืบหน้าชัดเจน ตนได้ตรวจสอบคลิปแล้ว ไม่มีกรณีใดที่แทรกแซงตุลาการ แต่การแทรกแซงมาในรูปของการข่มขู่คุกคามตุลาการ จึงต้องให้ตุลาการเกิดความมั่นใจในความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือฝ่ายค้านด้วย หากเรื่องดังกล่าว เกี่ยวข้องกับคนของพรรคท่าน ก็กรุณาช่วยตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนด้วย เนื้อหาในคลิปไม่มีข้อมูลใดที่เข้าข่ายการแทรกแซงตุลาการ แต่การแทรกแซงคือการให้สัมภาษณ์กดดันข่มขู่ตุลาการ
               
ส่วน นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ ชี้แจงว่า กระบวนการเรื่องนี้ ต้องไปพิสูจน์ในชั้นศาลยุติธรรม ยืนยันไม่มีการล็อบบี้ ซึ่งไม่แน่ว่าหากความจริงเปิดเผยออกมา พรรคเพื่อไทยอาจต้องถูกยุบพรรคเป็นครั้งที่ 3 ก็ได้.