แกะธุรกิจ100ล.ศิริโชค โสภาวอลล์เปเปอร์มาร์ค

กรณี พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร  รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี (รองผบช.กมค.) แถลงข่าว(รอบ 2)ระบุนักการเมืองใกล้ชิดนายกฯ "ล้วงโผตำรวจ-รับเคลียร์"และกล่าวถึงนักการเมืองชื่อ "สระอิ สระอา" ไม่พอใจโดนปราบอิทธิพล นอกจากนี้ยังโจมตีนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นวอลล์เปเปอร์เน่าทำให้คนในบ้านติดโรค

ต่อมาวันที่ 1 พฤศจิกายน นายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ออกมาปฏิเสธว่ามิได้เกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งในเรื่องของเถื่อน น้ำมันเถื่อน การเรียกรับผลประโยชน์จากการวิ่งเต้นโยกย้ายตำรวจด้วยนาฬิกายี่ห้อปาเต๊ะฟิลลิป และขอใช้สิทธิ์ฟ้องร้องพล.ต.ต.วิสุทธิ์ในข้อหาหมิ่นประมาท
 
"เมื่อครั้งที่ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกผมก็ไม่ได้ติดใจ ถือว่าให้อภัยกันได้แต่พอมาพาดพิงครั้งที่สองผมคิดว่ามันเป็นการละเมิดสิทธิผมมากเกินไปก็ต้องใช้สิทธิในการฟ้องร้องคุณวิสุทธิ์และขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการฟ้องแก้เกี้ยวและจะฟ้อง 3 ศาลเลย ขอให้คุณวิสุทธิ์เตรียมไปพิสูจน์ตัวเองในศาลเลย"นายศิริโชคกล่าว

หากใครติดตามข้อหล่าวหาที่มีต่อนายศิริโชคอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ถูกกล่าวหามาหลายครั้ง


ครั้งแรก ถ้าจำกันได้เมื่อครั้งที่เขาอภิปรายเปิดโปงการหลบเลี่ยงภาษีของบริษัท ชินแซทเทลไลท์ และบริษัท ซีเอส คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขาถูกเครือข่ายอดีตนายกฯขุดคุ้ยละเอียดยิบทั้งเรื่องส่วนตัวและครอบครัว

ถัดมาถูกเล่นงานกรณีเปิดโปงกรณีซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติและออกมาเล่นบทพระเอกกรณีคลิปฉาวตัดต่อของนายกฯ(กรณีถูกพรรคเพื่อไทยกล่าวหาสั่งปราบประชาชน) 

กระทั่งถูกนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ตรวจสอบภูมิหลังนายศิริโชคโดยอ้างว่าบริษัทพี่ชายนายศิริโชคมีคดีความเกี่ยวกับการทุจริตรวมทั้งขอให้ตรวจสอบสัญชาติบิดาของนายศิริโชคอีกด้วย


ขณะที่เจ้าตัวออกมาโต้ว่าเป็นเรื่องเก่า ไร้สาระ หากทำให้เสียหายก็จะฟ้องดำเนินคดี และบอกทำนองว่านายพร้อมพงศ์ไปเล่นหนังโป๊ หากเป็นนักการเมืองที่ไม่มีคุณธรรมก็คงเอาซีดีที่นายพร้อมพงศ์แสดงเป็นพระเอกออกมาเผยแพร่แล้ว 

และบอกอีกว่าการทำธุรกิจของพี่ชายถ้าจะเกิดปัญหาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันและคดีดังกล่าวก็เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย


แม้ว่าข้อกล่าวหาต่อนายศิริโชคกับคู่กรณีน่าจะไปพิสูจน์กันในชั้นศาล 

ถึงกระนั้น คำถามที่หลายคนจำนวนไม่น้อยอยากรู้ความจริงก็คือ ธุรกิจของเขาและครอบครัวเกี่ยวโยงกับธุรกิจน้ำมันหรือไม่?


"มติชนออนไลน์"ตรวจสอบข้อมูลมานำเสนอดังนี้

ครอบครัวนายศิริโชคมีธุรกิจกว่า 10 บริษัทมูลค่านับ100 ล้านบาท


ปี 2508 ก่อตั้งหจก.บัวไล ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ขายส่งสินค้า เช่น ข้าว แร่ ยาง ไม้ ข้าวโพดออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ


ปี 2516 ก่อตั้งบริษัท โอเวอร์ซี เมอร์แคนไทล์ จำกัด (ปิดกิจการแล้ว) ทุน 1 ล้านบาท


ปี 2524 ก่อตั้งบริษัท สหะโสภา จำกัด ทุน 8 ล้านบาท ขายอาหารทะเล ที่อยู่เดียวกับบริษัท โอเวอร์ซี เมอร์แคนไทล์


ปี 2530 ก่อตั้ง บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น จำกัด ทุน 100 ล้านบาท ส่งออกอาหารทะเล อยู่ในซอยทรงสะอาด ถนนวิภาวดีรังสิต 


ปี 2535 ก่อตั้ง บริษัท โสภา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ทุน 10 ล้านบาท


ปี 2536 ก่อตั้งบริษัท ระยองพรอน จำกัด (ปิดกิจการปี 2547) ทุน 1 ล้านบาท และบริษัท ปราณบุรี  จำกัด (ปิดกิจการปี 2547) ทุน 1 ล้านบาท ส่งออกอาหารทะเล


ปี 2538 ก่อตั้งบริษัท อินโด-ไทย ฟู้ด เทรด จำกัด ทุน 10 ล้านบาท ขายสินค้าอุปโภค บริโภค อยู่ในซอยเอกมัย
บริษัท โอแมค ปิโตรเลี่ยม จำกัด (ปิดกิจการปี 2546)  ทุน 1 ล้านบาท ขายน้ำมันเชื้อเพลิง
บริษัท ไอพีดี แลนด์ จำกัด ทุน 46 ล้านบาท รับเหมาก่อสร้าง  (ล้มละลาย 29 พ.ค.2551)

กิจการเกือบทั้งหมดนายศิริโชคถือหุ้นร่วมกับแม่คือนางเสาวรส โสภา  น.ส.นุชนาฎ โสภา พี่สาว และ นายศิริพจน์ โสภา พี่ชาย  

ที่น่าสนใจคือนายศิริโชคเริ่มผ่องถ่ายหุ้นให้แม่และพี่ชายตั้งแต่ปี 2541 (เป็น ส.ส.ครั้งแรกปี 2544)

วันที่ 10 สิงหาคม 2541 โอนหุ้นบริษัท สหะโสภา จำกัด ให้นางเสาวรส 40 หุ้น และ นายศิริพจน์ 39 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10,000 บาท รวม  790,000 บาท และ โอนหุ้น บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น จำกัด ให้นางเสาวรส และ นายศิริพจน์คนละ 5,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1,000 บาท รวม 10 ล้านบาท

วันที่ 10 เมษายน 2545 โอนหุ้นบริษัท โอแมค ปิโตรเลี่ยม  ให้นางเสาวรส 2,800 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท รวม 280,000 บาท  ,โอนหุ้นบริษัท ระยองพรอน  ให้นางเสาวรส 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท รวม 1 แสนบาท  และ โอนหุ้น บริษัท ปราณบุรี พรอน ให้นางเสาวรส 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท รวม 1 แสนบาท 
   

นายศิริโชคจึงไม่มีหุ้นในธุรกิจอีกต่อไป  และ แจ้ง ป.ป.ช.ว่าไม่มีแม้กระทั่งรถยนต์

ทั้งนี้ นายศิริโชคยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตอนรับตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 22 มกราคม 2551 ระบุว่ามีทรัพย์สินเพียง 2 รายการ คือเงินฝากแบงก์ 1.1 ล้านบาทเศษ ที่ดินในต.ปากพลี จ.นครนายก  1 แปลง เนื้อที่ 1 ไร่เศษ มูลค่า 3 แสนบาท  รวม 1.4 ล้านบาทเศษ  ไม่มีทรัพย์สินอื่น 

ถ้าเทียบกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์ จำนวน 172  คน ทรัพย์สินของนายศิริโชครั้งท้ายอยู่อันดับ 165

นายศิริโชคระบุว่ามีหนี้สิน 119.2 ล้านบาท จำแนกเป็นหนี้ธนาคารไทยธนาคาร 27.5 ล้านบาท  บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน 31.8 ล้านบาท กองทุนรวมไทยรีสตรัคเจอริ่ง 4 รายการ  59.8 ล้านบาท

หักลบกลบหนี้มี "หนี้สิน" มากกว่า "ทรัพย์สิน" 117.8 ล้านบาท (เป็น 1 ใน 6 ส.ส. ประชาธิปัตย์ที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน)

หนี้สินทั้งหมดเป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งศาลตัดสินตั้งแต่ปี 2543 - 2546 ซึ่งนายศิริโชคเป็นจำเลยร่วมกับ บริษัท โอเวอร์ซีส์ มารีนและห้องเย็น บริษัท สหะโสภา นางเสาวรส โสภา (นามสกุลเดิม จันทนะปุญญา) นายศิริพจน์ โสภา พี่ชาย และ เครือญาติ รวม 6 ราย

จากข้อมูลอาจเห็นได้ว่าครอบครัวนายศิริโชคทำธุรกิจ "ปิโตรเลียม" อยู่ด้วย


ด้วยเหตุนี้กระมังที่ถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบมาเป็น"จุดอ่อน"โจมตี

กระนั้นก็ต้องยอมรับความจริง ณ ขณะนี้ ยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดว่า ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมาย? 


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์