น.พ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า ส่วนการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความกระจ่างนั้น ตนคิดว่าศาลมีคณะกรรมการตรวจสอบอยู่แล้ว
แต่หากภาคส่วนอื่น ๆ หรือสื่อมวลชน จะร่วมตรวจสอบด้วยก็เป็นเรื่องดี และหากตรวจสอบแล้วพบว่าสาระที่พูดคุยในคลิปเป็นความจริงก็ต้องมีความรับผิดชอบเกิดขึ้น เพราะสถาบันศาลก็ต้องอยู่ใต้กฎหมายเช่นกัน อย่างไรก็ดีไม่เกรงว่าคลิปดังกล่าวจะกระทบกับคดียุบพรรค เชื่อว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงไม่ใช่ทำตามแรงกดดันที่มีอยู่ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมเคารพการตัดสินของตุลาการ
ด้าน นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเผยแพร่คลิปลับใช้ชื่อว่า"พฤติกรรมศาลรัฐธรรมนูญไทย" จำนวน 3 ตอนอีกว่า
เป็นหลักฐานทำให้เห็นว่า นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญคือผู้กำกับ ผู้ถ่ายทำ และผู้แสดงคลิปลับทั้งหมด จึงสงสัยถึงผลประโยชน์ก้อนใหญ่ขนาดไหนที่ทำให้เขาทำลายอนาคตของตนเอง ทำลายผู้มีพระคุณ และทำลายสถาบันของตนเองจนย่อยยับ จากจุดนี้ถ้าเราวิเคราะห์ว่าคนกลุ่มใดคือคนที่ได้ประโยชน์จากการกระทำของนายพสิษฐ์ หรือคนกลุ่มใดพร้อมจะหยิบยื่นผลประโยชน์ก้อนใหญ่ว่าจ้างนายพสิษฐ์ ก็จะได้เห็นผู้อำนวยการสร้างตัวจริงของคลิปลับทั้งหมด
นายอรรถพร กล่าวเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งล่าตัวนายพสิษฐ์ ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
รวมทั้งหาหลักฐานการเชื่อมโยงระหว่างนายพสิษฐ์กับผู้ว่าจ้าง และสอบลึกไปถึงพฤติกรรมของนายพสิษฐ์ในศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้าจะมีคดีคลิปลับ โดยหลายกรณีก่อนหน้านั้นเป็นเรื่องมิชอบ อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่าบุคคลหรือสถาบันใดที่ระบอบทักษิณมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามจะถูกกระบวนการที่เรียกว่าแก้ว 3 ประการ พยายามโค่นล้มทำลายในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น สถาบันองคมนตรี สถาบันทหาร สถาบันเบื้องสูง สถาบันศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ รวมไปถึงสถาบันชาติ ด้วยการว่าจ้างนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทำลายภาพลักษณ์อยู่ในขณะนี้ ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น สิ่งที่ทำลายระบบทักษิณไม่ใช่สถาบันใดๆ เลย แต่คือความกระหายในอำนาจและผลประโยชน์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
"ขอเตือน ถ้าระบอบทักษิณยังคงดำรงอยู่ก็ไม่รู้ประเทศชาติจะหลงเหลือสถาบันหลักสักกี่แห่งที่รอดพ้นจากการถูกทำลายให้ย่อยยับ ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้ก้าวเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็นหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างตรงไปตรงมาต่อสาธารณชน และต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างเหมาะสมต่อวิกฤติศรัทธาที่เกิดขึ้น" นายอรรถพร กล่าว