เลขาธิการสภาฯ ปัดน้อยใจถูกโบ้ยให้รับผิดชอบตั้งกุนซือ สามารถยันปู่ชัยยังไม่สั่งให้ยกร่างระเบียบสภา

เลขาธิการสภาฯ ปัดน้อยใจถูกโบ้ยให้รับผิดชอบตั้งกุนซือ กมธ. แจงตามระเบียบ ปธ.กมธ.เสนอใครมาต้องตรวจสอบว่าผ่านหรือไม่ก่อนอนุมัติ ชี้หากเกิดความผิด คนเสนอชื่อต้องรับผิดชอบ "สามารถ"ยัน"ปู่ชัย"ยังไม่สั่งให้ยกร่างระเบียบสภา

นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ถึงกรณีที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎรระบุว่าการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง เพราะเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เกรงใจ ส.ส. เมื่อเสนอมาก็ยอมตั้งให้ ว่า  ตนทำงานตามระเบียบของสภาผู้แทนฯ ที่อาศัยอำนาจตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนฯ พ.ศ.2544 ที่เกิดขึ้นในสมัย นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานรัฐสภา ที่ระบุหลักเกณฑ์การแต่งตั้งที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ นักวิชาการ และเลขานุการ ต้องมีคุณสมบัติพื้นฐาน เช่น มีสัญชาติไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า20 ปี ไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ

"ขณะที่ตำแหน่งที่ปรึกษาและผู้ชำนาญการจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งคือ
1.สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท หรือปริญญาเอก และเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะ กมธ.นั้นพอสมควร
2. มีคุณสมบัติ ตามที่คณะ กมธ.แต่ละคณะประสงค์ ซึ่งตลอดการทำงานที่ผ่านมา ทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนฯ ได้มอบแบบฟอร์มดังกล่าวให้กับประธานคณะ กมธ.ทุกคณะ ให้พิจารณาก่อนที่จะเสนอชื่อบุคคลภายนอกเข้ามาทำงานในคณะ กมธ. เมื่อประธาน กมธ.แต่ละคณะเสนอชื่อมาที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนฯ จากนั้นจะพิจารณาว่ามีคุณสมบัติพื้นฐานครบตามที่ระบุตามข้างต้นหรือไม่ และต้องไม่เป็นข้าราชการประจำสภาผู้แทนฯ รวมถึงชื่อที่เสนอมาจะต้องไม่ให้ดำรงตำแหน่งซ้ำซ้อนกัน เช่น หากผมเป็นที่ปรึกษาประจำคณะ กมธ.คณะหนึ่ง จะไม่สามารถไปเป็นที่ปรึกษา หรือผู้ชำนาญการในคณะอื่นได้" นายพิทูรกล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกน้อยใจหรือไม่ ที่นายชัยติงมาว่าทำงานปล่อยปละละเลย และโยนเรื่องมาให้ นายพิทูรกล่าวว่า ไม่น้อยใจ เพราะตนทำงานตามหน้าที่

ดังนั้น คนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือคนที่เสนอชื่อมาให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนฯเป็นผู้เซ็นอนุมัติ ในแต่ละปีมีการเสนอชื่อที่ปรึกษา ผู้ชำนาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจำคณะ กมธ. ถึง 600 คน ซึ่งตนไม่สามารถรู้เบื้องหลัง รู้พฤติกรรมของทุกคนได้ว่าเขาสนับสนุนเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือมีแนวความคิดทางการเมืองเป็นอย่างไร เพราะไม่ใช่คนเสนอชื่อให้แต่งตั้ง แต่คนที่รู้เบื้องหลังของพวกเขา คือคนที่เสนอชื่อ หากเกิดความผิดขึ้น คนที่เสนอชื่อต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า นายชัยระบุว่าจะให้มีการยกร่างระเบียบการแต่งตั้งใหม่

นายพิทูรกล่าวว่า สามารถแก้ไขได้อยู่แล้ว ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้พิจารณาแก้ไขระเบียบเอง ส่วนจะแก้ไขข้อไหน จุดไหน ตนไม่สามารถออกความคิดเห็นได้ คงต้องให้ผู้มีอำนาจ ผู้เกี่ยวข้องพิจารณากันเอง เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีคนจำนวนมากต้องการเข้ามาใช้ตำแหน่งใน กมธ.ไปหาผลประโยชน์ นายพิทูรกล่าวว่า เป็นเพราะรัฐสภาเป็นที่อยู่ของคนมีอำนาจ เป็นศูนย์รวมอำนาจ ที่บริหารประเทศ ซึ่งมีบางคนที่เข้ามาทำงานเพื่อหาประสบการณ์ เพื่อฝึกฝนตัวเองหากคิดจะเป็น ส.ส.ในอนาคต จึงมีคนเข้ามามาก ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ต้องตรวจสอบไปตามระเบียบที่มี หากเกิดปัญหาคนที่เสนอชื่อบุคคลนั้นๆ มาก็ต้องรับผิดชอบ

ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัยมอบหมายให้รองประธานสภาทั้งสองคนไปศึกษายกร่างระเบียบสภาใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งที่ปรึกษา

ผู้ชำนาญการ นักวิชาการ และเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สภาผู้แทนฯ หลังพบพฤติกรรมผู้ได้รับการแต่งตั้งบางส่วนประพฤติตัวไม่เหมาะสมใช้ตำแหน่งแสวงหาประโยชน์ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการจากนายชัยแต่อย่างใด และยังไม่ได้หารือกับนายชัย เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 29 ตุลาคม ได้รับปประทานอาหารกลางวันร่วมกับนายชัย แต่ไม่เห็นพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิดว่านายชัยคงมีแนวคิดในการศึกษาประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการใช้ระเบียบและปรับปรุงแก้ไข โดยให้รองประธานสภายกร่างขึ้นมาในเบื้องต้น คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน

"เรื่องนี้น่าจะมีการหารือร่วมกันระหว่างรองประธานสภาทั้งสองคน รวมทั้งประธาน กมธ.กิจการสภา เพื่อร่วมกันพิจารณาว่าจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไร และนำร่างระเบียบใหม่เข้าหารือต่อที่ประชุมประธาน กมธ.ทั้ง 35 คณะ เพื่อพิจารณา หากที่ประชุมประธาน กมธ.ทั้ง 35 คณะเห็นชอบ เสนอนายชัยลงนาม แล้วประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปได้" นายสามารถกล่าว