จตุพรซัดตุลาการกุข่าวขู่ฆ่า แฉซ้ำตั้งลูกชายเป็นเลขาฯ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แถลงที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม

ถึงกรณีที่ นายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุว่ามีขบวนการขู่เอาชีวิตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ขอเรียกร้องให้นายบุญส่งใช้กระบวนการทางกฎหมาย ด้วยการแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มที่โทรศัพท์ขู่เอาชีวิตตุลาการ เพื่อให้กระบวนการสืบสวนสอบสวนสามารถหาข้อเท็จจริงดำเนินไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการสืบหาหมายเลขต้นสายหากเป็นโทรศัพท์พื้นฐาน หรือหาเจ้าของที่จดทะเบียนกรณีเป็นโทรศัพท์มือถือ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น หากคนเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่แจ้งความดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น ก็ทำให้สังคมอดคิดไม่ได้ว่า เป็นการกุข่าวเพื่อกลบเกลื่อนความเหลวแหลกภายในศาลรัฐธรรมนูญเอง ส่วนที่นายบุญส่งบอกว่า จะเล่นงานตนทีเดียวให้หงายท้อง ก็ต้องบอกว่าคิดได้ แต่สิ่งที่ตนทำก็ทำในฐานะคนไทย ไม่อยากเห็นองค์กรที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญมีการกระทำที่ต่ำช้าสามานย์อย่างที่มนุษย์ปกติเขาไม่ทำกัน

นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับเรื่องคลิปอีก 3 ชิ้นที่ตนยังไม่เปิดเผย

เป็นเพราะรู้ว่า กฎหมายประเทศไทยไม่ปกติ หากตนเอามาเปิด จะมีความผิดในการนำมาเผยแพร่อีก จึงอยากย้ำว่าให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นัดตนมา เพื่อจะเอาคลิปไปมอบ จะได้รู้ว่ามีใครทำอะไรพูดอะไรวิพากษ์วิจารณ์ตุลาการด้วยกันอย่างไร นายชัชจะได้นำไปปัดกวาดบ้านตัวเอง และอาจทราบว่ามีคนพูดถึงตัวเองอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีคลิปเสียงข้าราชการ 2 คน รับสารภาพกันเองว่า มีการทุจริตการสอบเข้ารับราชการ ดังนั้นหากสัปดาห์หน้านายชัชว่างก็ขอให้นัดมา ตนพร้อมเอาข้อมูลไปให้อยู่แล้ว

"เรื่องจริยธรรม คุณธรรม ของคนเป็นผู้พิพากษาต้องสูงกว่าคนธรรมดา แต่เรื่องนี้ศาลก็มีอยู่มาก อย่างเช่นมีตุลาการคนหนึ่งเอาลูกชายตัวเองมาเป็นเลขานุการ รับเงินเดือนเดือนละ 4 หมื่นบาท แต่ไม่ได้มาทำงาน กลับไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่างนี้เรียกว่ามีจรรยาบรรณ คุณธรรมหรือไม่ อยากถามว่านายบุญส่งทราบเรื่องพวกนี้หรือไม่ และอย่าใช้วิธีแบบนักการเมืองชั่วสร้างสถานการณ์เพื่อกลบข่าว ใครข่มขู่ใครก็ต้องดำเนินคดี หากคนผิดมาจับกุมให้ได้"นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ออกมาเปิดเผยเรื่อง นักธุรกิจหญิงชื่อย่อ น. ก็น่าจะเปิดเผยชื่อได้ว่า

นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ผู้บริหารบริษัทบางกอก เดคคอน ที่มีชื่อเล่นว่าฉลาม ซึ่งอยากถาม นายชวน หลีกภัย ว่ารู้จักผู้หญิงคนนี้หรือไม่ และการได้งาน ระบบซีซีทีวี หรือระบบโสตทัศนูปกรณ์ และระบบคอมพิวเตอร์ ก็ไมได้ใช้ชื่อบริษัทตัวเอง แต่ใช้ในนามกิจการร่วมค้า ที่มีบริษัทบางกอกเดคคอนร่วมอยู่ด้วย จึงน่าสงสัยว่าบางกอก เดคคอน ถนัดในการทำงานธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ แต่กลับได้งานประมูลเรื่องโสตฯ และคอมพิวเตอร์ แต่บริษัทอีก 1 แห่งที่เชี่ยวชาญเรื่องดังกล่าวอย่างบริษัทมหาจักร กลับไม่ได้งานเพราะลืมหลักประกันในการประมูล ซึ่งทุกอย่างโยงใยกันหมด ทั้งนายวรวุฒิ นวโภคิน นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ และนางนุชนารถ ที่เกี่ยวพันในธุรกิจต่างๆ  และต้องถามเลยว่านายชวน หลีกภัย รู้จักนางนุชนารถหรือไม่ เพราะทั้งหมดมันแสดงให้เห็นว่าไม่ได้เกี่ยวโยงกับพรรคเพื่อไทย แต่มันเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่ทำกันเองทั้งหมด ดังนั้นจะสอบสวนที่มาที่ไปก็ขอให้ดูความสัมพันธ์เหล่านี้ด้วย