นายกฯประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ติดตามปัญหาน้ำท่วมรอบ 2 ห่วงปทุมฯ-กทม.-บุรีรัมย์
วันนี้ (20 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังศูนย์บัญชาการสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและรับฟังการรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากปัญหาอุทุกภัยที่เกิดขึ้น โดยมีนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สรุปการรายงานสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งยังได้มีการวีดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ไปยังจังหวัดต่างๆที่ประสบปัญหาอุทกภัยด้วย
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่า จนถึงขณะนี้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยจำนวน 17 จังหวัด 101 อำเภอ 557 ตำบล 3,973 หมู่บ้าน ได้แก่ ระยอง ตราด สระแก้ว นครราชสีมา ปราจีนบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ ชัยภูมิ สระบุรี เพชรบูรณ์ นครนายก สุพรรณบุรี ศรีสะเกษ ตาก สุรินทร์ บุรีรัมย์ และขอนแก่น ในส่วนของ จ.นครราชสีมา โดยรวมมีพื้นที่ประสบปัญหาทั้งหมด 4 อำเภอ 238 ตำบล 1,653 หมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ปภ.เชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคเงินและสิ่งของช่วยหลือ ผ่านเลขที่บัญชี 067-0068-950 ในนามกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล และบริจาคสิ่งของได้ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเปิดสายด่วนนิรภัย ที่หมายเลข 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-6373881-82
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงพื้นที่ จ.ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร และบุรีรัมย์ ที่จะประสบปัญหา ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานว่าปทุมานีและกรุงเทพฯนั้น จากการประสานกับกรมชลประทานมีปัจจัยที่จะส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาคือ ปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลบ่าลงมา บวกกับปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำฝน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าช่วงช่วง 1-2 วันนี้จะยังไม่มีฝนตกลงมาแต่ก็มีการเฝ้าติดตามอยู่ ทั้งนี้มี 27 ชุมชน ในกรุงเทพฯ อาจเกิดภาวะน้ำท่วมได้ ทั้งนี้ทางผู้ว่าฯ กทม.และปทุมธานีได้มีแผนการป้องกันไว้แล้ว
“ส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ จากปัญหาอุทกภัย ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย โดย 3 ราย เป็นเด็กที่ไปเล่นน้ำในฝายต้นน้ำ จึงมีการประชาสัมพันธ์ไปยังบรรดาผู้ปกครองให้ช่วยกันดูแลและระมัดระวังด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการหารือ นายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับข้อเสนอของทาง ปภ.ในการที่จะใช้งบฉุกเฉินของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีโดยประสานงานตรงกับทางจังหวัดที่เดือดร้อนและมีความจำเป็นเร่งด่วน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เกี่ยวกับการช่วยเหลือสามารถคลายข้อจำกัดไปได้ระดับหนึ่ง ส่วนการฟื้นฟูหลังน้ำลดนั้น การสำรวจความเสียหายหน่วยงานต่างๆดำเนินการอยู่แล้ว พื้นที่ไหนที่เร่งดำเนินการได้ก็ทำ โดยครม.มีมติชัดเจนให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือ รวมถึงพื้นที่การเกษตร เพราะเดิมการชดเชยต่ำมาก นอกจากนี้เกษตรกรยังได้สิทธิประกันรายได้อีก ทั้งนี้ยังไม่ได้ประเมินความเสียหายทั้งหมด