ที่โรงแรงแชงกรีลา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเปิดงานประชุมนานาชาติเนื่องในโอกาสครบครบ 50 ปีการบินไทย พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Thailand’s Economic Development Roadmap” มีใจความตอนหนึ่งว่า
มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจีดีพีปีนี้จะโตถึงร้อยละ 8 และมีจำนวนนักท่องเที่ยว 15 ล้านคน ตนคิดว่ามี 4 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถรับมือวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆได้
1.การเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก
2.การส่งเสริมให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว
3.การเพิ่มศักยภาพในการผลิต ทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ และ
4.การทำงานของรัฐบาล ที่ต้องโปร่งใสและให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งนี้นายกฯยังได้กล่าวชื่นชมสายการบินไทย ที่เคยถามกันเมื่อ 3 ปีก่อนว่าจะไปรอดหรือไม่ แต่ปัจจุบันสามารถผลิกรายได้จากขาดทุนมาทำกำไร เนื่องจากการใช้มืออาชีพบริหาร จัดการอย่างมีธรรมาภิบาล ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน
นายอภิสิทธิ์ กล่าว่า สำหรับโรดแม็พการเติบโตเศรษฐกิจไทยต่อไป คือจะต้องบูรณาการเศรษฐกิจไทย เข้ากับเศรษฐกิจโลก
ทั้งการเข้าร่วมประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรปที่ผ่านมา ซึ่งหลายประเทศแสดงความสนใจภูมิภาคเอเชีย แสดงให้เห็นว่าเราเป็นตัวเล่นสำคัญ และอีก 2 สัปดาห์ ตนจะเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียนและคู่เจรจา ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน เพราะคิดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ เห็นได้จากนโยบายเรียนฟรี 15 ปี เพิ่มรายได้ประชาชน ที่ไม่ได้ต้องการเพิ่มกำลังซื้ออย่างเดียว แต่เป็นการประกันความมั่นคงในชีวิต อาทิ นโยบายประกันรายได้เกษตร ขณะเดียวกับก็มีการลงทุนด้านรถไฟ ถนน และแหล่งน้ำ
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยในอนาคตจะไม่เน้นการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการกระจายรายได้อย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ เห็นได้จากการผลักดันกฎหมายภาษีที่ดิน โครงการออมแห่งชาติ ฯลฯ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะเดินการอะไร จะพยายามให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด เพราะแต่คนละได้รับผลได้ผลเสียไม่เท่ากัน