เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายสมหวัง อัสราษี เจ้าของบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้ามิซูชิต้า
และฐานะผู้ดูแลบัญชีรายรับรายจ่ายเงินบริจาคของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ช่วงที่มีการชุมนุม กล่าวระหว่างเดินทางเข้าเยี่ยมแกนนำ นปช.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยปฏิเสธกรณีที่ นายเมธี อมรวุฒิกุล ดาราเสื้อแดง ออกมาระบุยอดเงินบริจาคคนเสื้อแดงที่ถูกโกงไปจำนวน 68 ล้านบาท ว่า ไม่รู้ว่านายเมธีนำข้อมูลมาจากที่ใด เพราะตนในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบบัญชีเงินบริจาคการชุมนุมของคนเสื้อแดงกระทั่งการชุมนุมยุติลงมีเงินบริจาคเพียง 37 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดตนทำบัญชีรายรับรายจ่ายชัดเจน เพราะนำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับการชุมนุมทั้งค่าอาหารและเวที แต่จากการชุมนุมที่ต่อเนื่องหลายวันทำให้ต้องนำเงินที่ได้จากจัดงานกิจกรรมก่อนหน้านี้ ทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ เขาใหญ่ และการจัดโต๊ะจีนที่โรงแรมมิราเคิล มารวมด้วยบัญชีรายรับรายจ่าย และชี้แจงกับแกนนำทั้ง 3 คน ทุก 10 วัน
นายสมหวัง กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายเมธี ระบุว่าญาติแกนนำโกงเงินบริจาค 68 ล้านบาท แล้วหลบหนีไปประเทศมาเลเซียนั้น ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่ยืนยันว่าเงินบริจาคมีไม่ถึง 68 ล้านบาท ทั้งนี้ตนไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบเงินบริจาคเกี่ยวกับช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจึงไม่รู้ว่ามีมากน้อยเท่าใด
นายสมหวัง กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายเมธีพยายามจะเข้ามามีบทบาทในการชุมนุมทั้งการขอขึ้นเวที
แต่แกนนำเห็นว่านายเมธีมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจึงไม่มีใครให้ขึ้นเวทีหรือให้ราคา และไม่ถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทใด ๆ ต่อการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ดังนั้น เชื่อว่าการออกมาให้ข้อมูลเช่นนี้นายเมธีน่าจะมีเจตนาสร้างข่าวให้ตัวเอง ส่วนจะมีการฟ้องร้องกลับหรือไม่เป็นเรื่องที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.เป็นผู้ตัดสินใจ
ด้านนายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำนปช. กล่าวให้ความเห็นสั้น ๆ เนื่องจากไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ตามคำสั่งศาล ว่า เป็นเรื่องที่ผู้ที่ถูกพาดพิงต้องเป็นผู้ชี้แจงเอง ทุกคนยังไม่ชีวิตอยู่ ยังไม่มีใครตายจากกันไป
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
