เว็บไซต์พนมเปญโพสต์ของประเทศกัมพูชารายงานว่า นายทิด โสเทีย โฆษกคณะรัฐมนตรี
ออกมาปฏิเสธข่าวที่รายงานว่า กลุ่มนักรบเสื้อแดงได้เข้าไปใช้พื้นที่ของกัมพูชา ในฝึกอาวุธเพื่อเตรียมไปใช่ก่อเหตุในไทยว่า เป็นข้อมูลที่พูดเกินจริงอย่างมาก และเป็นข้อมูลที่เป็นไม่มีมูลความจริงเลย เพราะกัมพูชาไม่เคยอนุญาตให้ชาวต่างชาติใช้ในการทำร้ายประเทศตัวเอง
ขณะเนื้อหาในเว็บไซต์ดีเอพีนิวส์ของของประเทศกัมพูชาได้ปรากฏรายงานฉบับหนึ่งในคอลัมน์จดหมายถึงบรรณาธิการ
มีข้อความโจมตีการทำงานของสื่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ที่ได้กล่าวว่าประเทศกัมพูชาเป็นแหล่งฝึกอบรมผู้ก่อการร้ายที่มีแผนสังหารผู้นำรัฐบาล ต่อต้านรัฐบาลไทย ว่าเป็นการป้ายสีอย่างไร้หลักฐานซึ่งเป็นการสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนสองประเทศ
ในจดหมายฉบับดังกล่าวอธิบายว่ารัฐธรรมนุญกัมพูชาไม่อนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการดังกล่าวได้
แต่สื่อและตำรวจไทยพยายามสร้างภาพรัฐบาลและประชาชนกัมพูชาในเชิงลบ ทั้งยังสร้างความอึมครึมในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลไทยไม่สอบถามทหารที่ไม่ชอบตำรวจและรัฐบาลไทย ซึ่งอาจเป็นผู้วางแผนการณ์เหล่านั้นโดยสมัครใจ นอกจากนั้นยังตั้งข้อสังเกตว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการแบ่งแยกดินแดน 4 จังหวัดภาคใต้ ทำไมฝ่ายไทยถึงไม่ได้กล่าวหาว่าเป็นฝีมือของมาเลเซีย
ทั้งยังได้โจมตืสื่อไทยว่า เคยให้การอบรมสื่อกัมพูชาและสื่อในภูมิภาคนี้ว่าควรทำข่าวโดยเคารพหลักจริยธรรม
แต่สื่อไทยกลับเป็นผู้สร้างภาพอันเลวร้ายระหว่างคใามสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชาเสียเอง นอกจากนั้นสื่อไทยยังทำตัวเป็นกระบอกเสียงให้กับตำรวจในการต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา และ กล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีเสียหาย ขณะที่กัมพูชาไม่เคยลืมเลือนว่าเคยถูกทหารไทยรุกรานเข้ามาในพื้นที่ใกล้เคียงปราสาทพระวิหารและยิงปืนใส่ตลาดของชาวบ้านในบริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งทำให้หัวพญานาคบริเวณปราสาทได้รับความเสียหายในเดือนกรกฏาคม 2551
ทั้งยังระบุว่าการที่ตำรวจจับกุมกองกำลัง 11 จาก 39 คน ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ซึ่งผ่านการฝึกการก่อการร้ายจากกัมพูชานั้นเป็นเรื่องเหลวไหลและเลื่อนลอย การฝึกกองกำลังอาจเป็นผลงานของกลุ่มจงรักภักดีอดีตนายกฯเอง และได้ท้าทายให้ทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่ากัมพูชายึดครองอยู่