"จตุพร"โต้แทน"กี้ร์"ไม่เกี่ยวกักขัง 11 ชุดดำ อ้างดีเอสไอใช้วิชามาร ดีเอสไอเผยแผนฝึกขบวนการ 11นักรบเสื้อแดง ใช้ค่ายทหารกัมพูชาเป็นฐานฝึก 3 อาทิตย์ก่อน กลับเข้าเมืองไทย สัปดาห์แรกสร้างความเชื่อ ต่อมาฝึกอาวุธหนัก จ่ายเบี้ยเหมือนทหาร ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช. )กล่าวเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายจตุพรกล่าวว่า ขณะนี้จึงมีอยู่อีกหลายคนที่ไปรับเงินเดือนจากดีเอสไอในโครงการคุ้มครองพยาน แลกกับการดำเนินคดี ก่อนหน้านี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย
ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แถลงถึงการจับกุมชายชุดดำ 11 คน โดยอ้างว่า ไปฝึกอาวุธในประเทศกัมพูชา เพื่อมาก่อคดีวินาศกรรม ล้มสถาบันและลอบสังหารบุคคลสำคัญ แล้วอ้างว่า มีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช. ไปกักขังไว้ถึง 4 วัน ว่า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นวิธีสามานย์ เป็นวิชามารที่ดีเอสไอใช้มาตลอดเวลา ตั้งแต่ตอนจับนายเมธี อมรวุฒิกุล หรือใครก็แล้วแต่ แม้ระบุว่า มีความผิดร้ายแรง แต่ก็จะไม่ตั้งข้อหาดำเนินคดี และจะกันตัวไว้เป็นพยาน
และยังไปกล่าวร้ายให้กับนายอริสมันต์ที่ไม่มีโอกาสชี้แจงด้วย จึงได้สอบถามนายอริสมันต์ ซึ่งได้ชี้แจงผ่านตนมาว่า ไม่รู้จักคนทั้ง 11 คนและไม่เคยไปกักขังหน่วงเหนี่ยวคนทั้งหมดเอาไว้ถึง 4 วันอย่างที่กล่าวหา และจะใช้โอกาสชี้แจงหากมีโอกาส แต่ขอยืนยันว่าเรื่องพวกนี้เป็นการใส่ร้ายอย่างสิ้นเชิง และขอเรียกร้องว่าหากใครดำเนินการผิดกฎหมายก็ขอให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องมากันไว้เป็นพยาน
ได้กลับมารายงานผลการร่วมสอบปากคำชายฉกรรจ์ทั้ง 11 คน ที่ถูกจับกุมได้ที่จ.เชียงใหม่ ให้ทราบแล้ว โดยในช่วงบ่ายวันนี้(11 ต.ค.) มอบหมายให้ พ.ต.ท.พเยาว์ เข้าพบกับอัยการเพื่อหารือเกี่ยวกับผลสอบปากคำว่าจะสามารถใช้เป็นประโยชน์ต่อคดีก่อการร้ายที่ส่งฟ้องไปก่อนหน้านี้ หรือคดีใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้หรือไม่ ตลอดจนการหารือเพื่อให้ทั้ง 11 คนได้รับการคุ้มครองในฐานะพยาน โดยข้อมูลที่ได้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากและมีน้ำหนักเพียงพอจะกันทั้งหมดไว้เป็นพยาน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าทั้ง 11 คน ให้การซักทอดไปยังผู้ร่วมขบวนการอื่นอีกหรือไม่
จตุพรโต้แทนกี้ร์ไม่เกี่ยวกักขัง 11 นักรบแดง ซัดดีเอสไอใช้วิชามาร
ด้านพ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีก่อการร้าย แถลงความคืบหน้าในการสอบปากคำกลุ่มนักรบแดง 11 คน
ที่ตำรวจจับกุมได้ที่คู่ฟ้ารีสอร์ท อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ว่า พนักงานสอบสวนได้เข้าไปสอบปากคำกลุ่มบุคคลทั้งหมด โดยได้ให้การที่เป็นประโยชน์ ดังนั้น ดีเอสไอจึงจะกันคนเหล่านี้ไว้เป็นพยาน ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ให้การว่าได้เข้าร่วมชุนนุมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. และได้เห็นกลุ่ม นปช.ฮาร์ดคอร์ ใช้อาวุธยิงตอบโต้ทหาร ยิงรถดับเพลิง ในวันที่ 14-19 พ.ค. โดยในจำนวนนี้หลายรายถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ บางคนมีหมายจับตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ได้รับการประกันเนื่องจากมีทนายของพรรคฝ่ายค้านไปขอยื่นประกันตัวออกมาแล้วหลบหนีไป
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่กลุ่มคนดังกล่าวหลบหนีได้มีกลุ่มแกนนำระดับรอง โดยเฉพาะกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ซึ่งนำโดยนางกัญญาภัค มณีจักร หรือดีเจอ้อม และ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล ได้ติดต่อประสานเพื่อหาคนไปฝึกอาวุธที่ประเทศกัมพูชาจำนวน 39 คน โดยมีผู้ประสานงานแบ่งออกมาเป็น 2-3 สาย ในการชักชวนและจัดหาเส้นทางส่งคนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเส้นทางที่ 1 เป็นการเดินทางออกจากกทม. -อ.ช่องจอม จ.สุรินทร์
เส้นทางที่ 2 จากทม.-โคราช-สุรินทร์ ออกกัมพูชา
และเส้นทางที่ 3 กทม. –พัทยา-สระแก้ว-กัมพูชา ซึ่งทุกเส้นทางจะไม่ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง
จากนั้นทุกคนจะถูกนำตัวไปพักอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งเพื่อรอรับการฝึก บางส่วนถูกส่งพักที่โรงแรมอังกอร์ จ.เสียมเรียบ จากนั้นจึงนำไปเข้ารับการฝึกที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จ.เสียมเรียบเป็นเวลา 3 สัปดาห์
“ นักรบแดง 11 คนได้ให้การว่าการฝึกสัปดาห์แรกจะมีการให้ความรู้ ปลุกระดมสมอง ฝังความเชื่อที่ผิด ๆ นำภาพวีดีโอ และซีดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันมาให้ดู เพื่อทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง สัปดาห์ที่สองเป็นการฝึกด้านอาวุธศึกษา ด้านวิธีการใช้เอ็ม16 อาก้า เอ็ม 79 ระเบิดซีโฟร์ และอื่น ๆ ส่วนสัปดาห์สุดท้ายเป็นการฝึกอาวุธจริง กระสุนจริง ระเบิดจริง โดยระหว่างฝึกจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าตอบแทนไม่มากนัก แต่หลังการฝึกทุกคนจะได้รับเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท และกลับเข้ามาในประเทศ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ผ่านเข้ามาทางชายแดนช่องจอม สุรินทร์ สำหรับผู้ที่ได้รับการฝึกมีจำนวน 39 คน และเดินทางกลับเข้ามาเพียง 35 คน ที่เหลืออีก 4 คน นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ไม่ให้กลับแต่ได้นำตัวไว้เป็นการ์ดของตัวเอง โดยหนึ่งในจำนวนนั้นได้มีนายมงคล สารพัน ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายรวมอยู่ด้วย” พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าว
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวว่า 11 นักรบแดงยังระบุว่าระหว่างที่อยู่ในกัมพูชาไม่ได้พบแกนนำแต่ได้พบกลุ่มดีเจภาคเหนือทั้งหมด
รวมทั้งผู้ประสานงานของกลุ่มนปช. อีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้ทั้ง 11 คน มารวมตัวกันที่คู่ฟ้ารีสอร์ท จ.เชียงใหม่ ก่อนเริ่มปฏิบัติการประทุษร้ายบุคคลและสถานที่ โดยเก็บตัวคนเหล่านี้ไว้นานกว่า 1 เดือน แต่ปรากฏว่านายกิตติชัย จันทร์สวัสดิ์ ทนไม่ไหวและได้หลบหนีออกมาก่อน โดยขอให้ชาวบ้านพาไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่เหลืออีก 24 คนที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ได้กระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ เนื่องจากคนเหล่านี้มีหลายกลุ่ม บางคนอยู่ลพบุรี กทม. ชลบุรี สระบุรี
พ.ต.ท.พเยาว์กล่าวว่า ส่วนพยานหลักฐานนอกจากคำรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้พบแผนที่บ้านของผู้นำที่เป้าหมายถูกปองร้ายรวมทั้งชิพขนาดเท่าซิมการ์ดโทรศัพท์ ที่ระบุรหัสลับประจำตัวเป็นโค้ดซึ่งใช้เรียกแทนชื่อจริงมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษซึ่งทหารกัมพูชาเป็นผู้จัดทำให้
พ.ต.ท.พเยาว์ กล่าวอีกว่า แผนที่บ้านบุคคลสำคัญที่ปรากฏเป็นหลักฐานที่ได้จาก 11 คน เป็นรูปแผนที่บ้านของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
รวมทั้งเส้นทางการเดินทาง ขบวนนำ ขบวนติดตาม เส้นทางกลับรถ ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นข้อมูลที่ฝ่ายความมั่นคงและดีเอสไอจะต้องให้ความสำคัญ เพราะขณะนี้กลุ่มบุคคลที่ได้รับการฝึกยังอยู่กระจัดกระจายและไม่ทราบว่ามีใครบ้าง ทราบเพียงแต่ชื่อเล่นและได้ข้อมูลว่ามีการฝึกการใช้อาวุธให้กับกลุ่มบุคคลมาแล้ว 2 ชุด อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะรายงานถึงกระทรวงยุติธรรมเพื่อรายงานไปยังกระทรวงต่างประเทศเกี่ยวกับการเข้ามาแทรกแซงความมั่นคงของประเทศไทย จากกรณีที่ให้พื้นที่ฝึกอาวุธเพื่อต่อต้านการบริหารงานของรัฐบาล